ไม่พบผลการค้นหา
"ประธานคณะก้าวหน้า " ขึ้นเวทีปราศรัยร่วม "ณชพล พลอาสา" ปลุกชาว "พิษณุโลก" ไปใช้สิทธิเลือกผู้มาบริหารงบ 4 พันล้าน - ชี้คนเห็นต่างต้องหยุดระราน แนะให้รณรงค์แบบที่ตนทำ - ด้านกลุ่มป่วนหงอย เจอ ปชช. ชู 3 นิ้วไล่

เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เดินทางรณรงค์ช่วยหาเสียงให้กับ ณชพล พลอาสา ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) พิษณุโลก เบอร์ 2 โดยขึ้นรถแห่รอบตัวเมือง จากนั้นลงเดินตลาดราษฏร์ธรรมาภรณ์ มีพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนที่มาจับจ่ายซื้อของให้การต้อนรับอบอุ่น บางคนเข้ามาให้กำลังใจ "สู้ๆ" รวมถึงเดินมาบอกด้วยว่า "20 ธันวาคมนี้ ไปเลือกตั้งแน่นอน"

ขณะที่วานนี้ ช่วงเวลา 19.30 น. ที่ลานคนเมือง อ.เมืองพิษณุโลก ธนาธร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยย่อยบนรถติดเครื่องขยายเสียงร่วมกับนายณชพล แสดงวิสัยทัศน์ในการพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก มีประชาชนร่วมฟังเป็นจำนวนมาก 


ปลุกชาว "พิษณุโลก" ไปใช้สิทธิเลือกผู้มาบริหารงบ 4 พันล้าน

ธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า การเมืองท้องถิ่นที่เราจะสร้าง อันดับแรก คือการต่อสู้กับเผด็จการและอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชนทุกรูปแบบ สอง.คือเราจะไม่ซื้อเสียง พวกเราไม่เชื่อเลยว่าการซื้อเสียงจะสร้างการเมืองที่ดีได้ เราอยากจะสร้างการเมืองใหม่ การเมืองที่มีคุณภาพ และจะนำมาสู่ข้อที่ สาม. คือจะไม่มีการใช้อำนาจทางการเมือง มาสร้างผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องของตัวเอง

และการเมืองท้องถิ่นที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีความสำคัญไม่แพ้การเมืองระดับชาติ งบประมาณ อบจ. พิษณุโลกจากภาษีประชาชนกว่า 1,000 ล้านบาทต่อปี หรือ 1 วาระคือ 4,000 ล้านบาท ชาวพิษณุโลกร่วมกันกำหนดได้ว่าจะให้ใครเป็นผู้บริหารผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ ดังนั้น ตนอยากให้ทุกคนไปใช้สิทธิใช้เสียงกัน และแน่นอนที่สุดการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองก็เป็นเรื่องการเมืองเช่นเดียวกัน 

"วันนี้พวกเรามาใช้สิทธิเสรีภาพของเรา สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น สิทธิเสรีภาพในการรณรงค์หาเสียงซึ่งเป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตย และแน่นอนที่สุดเราต้องยอมรับความจริงกันว่า ผมไม่สามารถทำให้คนทั้งประเทศรักหรือชอบผมได้ ซึ่งผมยอมรับอย่างสดุดีว่า มีคนที่ไม่สนับสนุนพวกเราอยู่ในสังคม นี่คือเรื่องพื้นฐานในระบอประชาธิปไตย แต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือการเคารพสิทธิเสรีภาพของกันและกัน

"ใครไม่ชอบคณะก้าวหน้าก็สามารถไปเดินตลาดรณรงค์เหมือนที่ผมทำ การที่จะได้มาสักหนึ่งเสียงเราต้องขึ้นรถแห่ เดินตลาด ไปเล่าความคิดของเราให้ประชาชาฟัง ต้องไปเคาะประตูบ้านเพื่ออธิบายแนวอุดมการณ์ของพวกเรา ดังนั้น ผมอยากขอให้คนที่ไม่ชอบผม ทำแบบเดียวกับผม แต่อย่ามาระรานสิทธิในการรณรงค์หาเสียงของผม และที่สำคัญอย่ามาระรานสิทธิของประชาชนที่มารอฟังการปราศรัย" ธนาธร กล่าว


สร้างจุดขายใหม่เมือง "สองแคว" - น้ำเพื่อการเกษตรต้องทั่วถึง

ด้าน ณชพล กล่าวว่า หากตนได้รับความไว้วางใจจากประชาชนให้เข้าไปขับเคลื่อนจังหวัดพิษณุโลก ตนจะพัฒนาโรงเรียนที่อยู่ภายใต้การบริหารของ อบจ. ให้มีคุณภาพให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งโรงเรียนภายใต้ อบจ. จะต้องเป็นพื้นที่ปลอดภัย ปราศจากการถูกคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศจากครู และต้องเป็นสถานที่แสดงออกสำหรับเยาวชน นอกจากนี้ จะดึงศักยภาพของพิษณุโลกออกมาใช้ให้มากที่สุด เช่น ในด้านการท่องเที่ยว เราต้องยอมรับว่าเป็นเมืองผ่าน ดังนั้นต้องมี Man made attractions หรือ แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น สร้างเป็นสิ่งดึงดูดให้คนมาท่องเที่ยว อบจ.พิษณุโลก ต้องลงทุนเป็นโครงการใหญ่กับแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ไม่ว่าจะในด้านศิลปวัฒนธรรม หรือในด้านธรรมชาติ

"อีกหนึ่งศักยภาพของจังหวัดคือภาคการเกษตร ต้องมีการจัดการน้ำให้เพียงพอ ไปให้ทั่วถึงโดยเฉพาะกับพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่นอกเขตชลประทาน ซึ่งมีอยู่ประมาณ 74 เปอร์เซนต์ เราต้องทำให้ต้นทุนในการเอาน้ำมาใช้ของเกษตรกรนั้นน้อยที่สุด และใช้ได้ยาวนานที่สุด เพราะถ้าเศรษฐกิจเกษตรกร 1.5 แสนครัวเรือนดี เม็ดเงินก็จะหมุนเวียน ความจริญก็จะเกิดขึ้นกับ จ.พิษณุโลก" ณชพล กล่าว 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ ธนาธรกำลังขึ้นปราศรัย ได้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามมาก่อกวนบริเวณพื้นที่กิจกรรมหาเสียงของคณะก้าวหน้า แต่ประชาชนที่มารอฟังการปราศรัยมีจำนวนมากกว่า ซึ่งส่วนหนึ่งที่มายืนรอฟังการปราศรัยได้รวมตัวกันป้องกัน พร้อมกับชู 3 นิ้วใส่และตะโกนไล่ จนในที่สุดกลุ่มคนดังกล่าวต้องถอยออกไปจากบริเวณจัดกิจกรรมและสลายตัวไปในที่สุด

อ่านเพิ่มเติม