ไม่พบผลการค้นหา
นักการเมืองวิจารณ์ คสช.แก้ปัญหาเศรษฐกิจล้มเหลว โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจมีจุดอ่อน กระจุกตัวผลประโยชน์อยู่ที่ระดับบนไม่ถึงคนจน ขณะที่การลงทุนยังรั้งท้ายเพื่อนบ้าน

เมื่อวันที่ 26 พ.ย. ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ร่วมกับเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนมหกรรมโต๊ะกลมสาธารณะ (ครั้งที่2) จัดเสวนา “บ้านเมืองมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร” เรื่อง เศรษฐกิจไทยตกต่ำถึงจุดนี้ได้อย่างไร”

โดยน นายธีรชัย ภูวนาท อดีตรมว.คลัง กล่าวถึง 3 ปี เศรษฐกิจรัฐบาลคสช. แบ่งออกเป็น 2 ไม่ คือ

1.ไม่กระจาย โดยรัฐบาลพยายามโฆษณาว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว แต่ทำไมประชาชนไม่สามารถจับต้องได้ เงินหายาก ประชาชนแร้นแค้น โครงการต่างๆ ที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจก็มีจุดอ่อน และกระจุกตัวผลประโยชน์อยู่ที่ระดับบน กระจายตัวมาที่ระดับล่างน้อยมาก

2.ไม่พอเพียง แม้รัฐบาลประกาศใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงแต่เป็นแค่การโฆษณา เพราะไม่มีกลไกให้ประชาชนเรียนรู้พึ่งตนเองตามศาสตร์พระราชา ส่วน1มุ่ง คือมุ่งหาประโยชน์ทางการเมืองมากเกินไป แทนที่จะไปคิดนโยบายเศรษฐกิจ ซ่อมห่วงโซ่เศรษฐกิจรากหญ้าให้เชื่อมกันได้ อุดรูโหว่ผืนผ้า แต่รัฐบาลกลับหมกมุ่นเรื่องหมากทางการเมืองมากเกินไปหรือไม่

ขณะที่นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้นแต่ก็ยังรั้งท้ายเพื่อนบ้าน จึงขอฝากคำถาม 9 ข้อไปยังรัฐบาล

1.นโยบายเกษตรจำนำไม่เอา ประกันรายได้ไม่เอา แล้วจะเอาอย่างไร

2.โครงการธงฟ้า ไม่เคยเห็นตัวเลขว่าธงฟ้าช่วยคนได้เท่าไหร่ ดูเหมือนจะดี แต่ของขึ้นราคา โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องใช้บัตรคนจนซื้อ ขอให้ทบทวนเพราะไปเบียดการค้าขายของพ่อค้าแม่ค้าในชุมชน

3.บัตรคนจนข้าราชการก็ได้รับ ทำให้สงสัยเรื่องการขึ้นบัตร และต้องระวังเรื่องข้อมูล

4.ขอให้เปลี่ยนสัดส่วนกรรมการโครงการ

5.หนี้นอกระบบ การขึ้นทะเบียนผู้กู้ใหม่ไม่ตอบโตทย์ แต่ไม่จัดการคนที่ปล่อยกู้นอกระบบ

6.พ่อค้าแม่ค้าท้องถิ่นถูกเบียดด้วยร้านธงฟ้า และกทม.จัดระเบียบไม่ให้ค้าขายในบางพื้นที่ แต่ไม่บอกให้ไปขายที่ไหน

7.นโยบายการเงินของประเทศจะเอาอย่างไร

8.นโยบายพลังงานไม่กำกับดูแล เอื้อต่อบริษัทรายใหญ่

9.เรื่องเขตการค้าเสรี จะต้องควบคุมมาตรฐานการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรมากกว่านี้ ปรับครม.อีกก็ไม่ช่วย หากไม่ปรับนโยบาย คนอื่นเตือนก็ไม่เคยฟัง เพราะอคติ คนที่หวังดีไม่ได้มีแต่นายกฯ คนเดียว คนอื่นก็หวังดีกับบ้านเมือง.

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน กล่าวตอนหนึ่งว่า การปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ล่าสุดตนเห็นด้วย เพราะที่ผ่านมาแย่มาก นี่เป็นความชัดเจนว่ามีการบริหารงานที่ล้มเหลวหรือไม่จึงปรับครม.เยอะขนาดนี้ เช่น เรื่องส่งออก การท่องเที่ยวที่บอกว่าดีขึ้น

แต่กลับปรับรัฐมนตรี 2 กระทรวงนี้ออกไป สะท้อนว่าไม่ได้ดีจริง ส่วนรื่องที่ควรปรับอย่างเศรษฐกิจนั้น จะเห็นว่ารัฐมนตรีที่มาจากสายนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งผลงานไม่ได้ดีแต่กลับได้ดี

 “การออกบัตรคนจนมา11ใบแล้วบอกว่าปีหน้าจะไม่มีคนจน ถามว่าจะเสกคนจนหายไปได้อย่างไร เอามาเคลมว่าเป็นผลงาน การปรับครม.ไม่ได้ช่วยอะไร นายสมคิดติดแนวคิดแบบพรรคไทยรักไทย อะไรก็ทำประชานิยม แค่เปลี่ยนชื่อเป็นประชารัฐ ดังนั้นการแก้ปัญหาต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ การคิดแบบเก่าจะเป็นปัญหาในอนาคต” นายพิชัย กล่าว