ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' ท้า 'สมคิด' แจงธนาคารโลกแบบที่ให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลังชี้แจง ให้เห็นภาพเศรษฐกิจไทย หลังตัวเลขชี้ชัดเติบโตต่ำสุดในอาเชียนมาโดยตลอด 4 ปี ฟากไอเอ็มเอฟคาดเศรษฐกิจไทยปี '61 โต ร้อยละ 3.9 ปีหน้าชะลอตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.8

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่ได้นำเสนอข้อมูลของธนาคารโลก และ ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) มาเตือน รัฐบาล และ พลเอกประยุทธ์ และ รัฐบาลได้ให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ออกมาชี้แจงตอบโต้ตนนั้น ก็อยากให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจ ได้นำคำชี้แจงนี้ส่งให้กับธนาคารโลกและเอดีบีโดยตรงเลย เพราะที่ตนนำเสนอเป็นความเห็นขององค์กรสากลระหว่างประเทศ เผื่อเขาจะเปลี่ยนใจวิเคราะห์ประเทศไทยภายใต้รัฐบาลนี้ในทางที่ดีขึ้นได้

แต่จากการที่ได้ศึกษาคำชี้แจงแล้วค่อนข้างสับสน เพราะไม่ได้ตอบสิ่งที่ธนาคารโลกและเอดีบีวิเคราะห์ไว้เลย แถมยังตอกย้ำความจริงที่ตลอด 4 ปีมานี้ การเจริญเติบโตของไทยที่โตร้อยละ 0.8 ในปี 2557, ร้อยละ 2.8 ในปี 2558, ร้อยละ 3.2 ในปี 2559 และร้อยละ 3.9 ในปี 2560 เป็นตัวเลขการเติบโตที่ต่ำมาก และต่ำสุดในอาเชียนมาโดยตลอด 4 ปี

แม้ปีนี้ (2561) จะโตได้ร้อยละ 4.0-4.2 ก็ยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านมาก และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการเติบโตของประเทศกำลังพัฒนาในเอเชียที่โตเฉลี่ยร้อยละ 6.5% แสดงถึงความย่ำแย่อย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการรัฐประหาร 

ซึ่งการขยายตัวเพิ่มขึ้นในระดับที่ต่ำเตี้ยไม่น่าจะใช่เรื่องที่น่าภูมิใจ และไม่มีเศรษฐศาสตร์สำนักไหนที่คิดกันแบบนี้ และการที่ สศค. บอกว่าไทยโตได้ตามศักยภาพก็ไม่เป็นความจริง ซึ่งต่างจากความเห็นของธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ และ เอดีบี ที่บอกมาตลอดว่าไทยโตต่ำกว่าศักยภาพมาก หากการลงทุนภาคเอกชนยังต่ำขนาดนี้ รวมถึงรายได้ของประชาชนส่วนใหญ่ยังต่ำมาก แถมมีปัญหาการกระจายรายได้ แต่บอกว่าไทยโตได้เต็มศักยภาพ ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง อีกทั้งนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว. คลัง เองก็ยังเคยยอมรับว่าไทยโตต่ำกว่าศักยภาพ 

ดังนั้นที่ สศค. พูดอาจจะ���มายถึงโตเต็มศักยภาพของรัฐบาลนี้แต่ไม่ใช่ศักยภาพของประเทศไทยที่ต้องโตกว่านี้มาก และข้อมูลอื่นๆ กลับกลายเป็นการโฆษณาหาเสียงของรัฐบาลทั้งๆ ที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังลำบากกันอย่างมาก ดังนั้น จึงน่ากังวลในแนวคิดของกระทรวงการคลัง และ ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ที่นำโดยนายสมคิดว่ากำลังจะพาประเทศหลงทาง และน่าจะจริงตามที่ธนาคารโลกและเอดีบีบอกไว้ว่า “ไม่เห็นโอกาสที่เศรษฐกิจของไทย ภายใต้การนำของรัฐบาลปัจจุบัน จะสามารถทำให้ดีขึ้นได้นอกจากจะยิ่งตกต่ำลงไปเรื่อยๆ ล้าหลังประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนทุกประเทศ” และ หากนายสมคิดยังเชื่อมั่นในคำชี้แจงของ สศค. นี้ ก็อยากให้นายสมคิดได้ออกมาชี้แจงกับประชาชนพร้อมกับตน ประชาชนจะได้ทราบข้อมูลที่แท้จริง

ไอเอ็มเอฟชี้เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวหลังปี '62 -คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้โตร้อยละ 3.9

ขณะที่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยรายงานคาดการณ์เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยในปี 2561 และ 2562 คาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี เติบโตร้อยละ 3.9

ส่วนกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ในเอเชียจะเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก โดยจะเติบโตได้ร้อยละ 6.5 ในปีนี้ และร้อยละ 6.6 ในปีหน้า แม้ว่าจะมีความกังวลเรื่องข้อพิพาททางการค้าและหนี้ในปริมาณสูงก็ตาม

สำหรับเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 3.9 ในปีนี้ และร้อยละ 3.8 ในปีหน้า ส่วนจีนและอินเดียยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปีนี้ที่ร้อยละ 6.6 และร้อยละ 7.4

อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ ว่าเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโตในระดับแข็งแกร่งสุดนับตั้งแต่ปี 2554 จะขยายตัวขึ้นได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น และจะเริ่มเติบโต ช้าลง หลังจากปี 2562 เป็นต้นไป เนื่องจากมีหลายปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า อาทิ นโยบายการเงินของธนาคารกลางหลายแห่งที่จะตึงตัวขึ้น ผลจากมาตรการกระตุ้นทางการคลังของสหรัฐที่จะหมดไป และการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการปกป้องทางการค้าของหลายประเทศ 

นายมัวริซ ออปสเฟล์ด ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจและผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของไอเอ็มเอฟระบุว่า การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นว่าอาจนำไปสู่การใช้มาตรการภาษีเพื่อกีดกันการค้า ซึ่งความขัดแย้งทางการค้าจะทำลายเศรษฐกิจโลก และยังเป็นประเด็นหลักของการหารือระหว่างนักเศรษฐศาสตร์กับเจ้าหน้าที่การเงินของประเทศต่างๆ ในการประชุมของไอเอ็มเอฟกับธนาคารโลกที่มีขึ้นในขณะนี้ที่กรุงวอชิงตัน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

'เพื่อไทย' ชวน ปชป. แข่งนโยบาย 'แก้ปัญหาปากท้อง' ดีกว่าเล่นการเมืองแบบยุคเก่า

'พิชัย' เตือนนายกฯ ฟังธนาคารโลก-เอดีบี ย้ำไทยโต 'ต่ำสุด' ในภูมิภาค