ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ประกอบการท่องเที่ยวแนะตั้งศูนย์ดูแลนักท่องเที่ยวจีนตกค้าง คาดมีกว่า 10,000 คน ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ ชี้เป็นโอกาสประเทศไทยสร้างความประทับใจช่วงลำบากช่วยดูแล ฟากศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมิน หากสถานการณ์ยืดเยื้อเกิน 1 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวหดร้อยละ 2

นายสุรวัช อัครวรมาศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เค.ที.เค. ทัวร์ เอ็นเตอร์ไพร้ส์ จํากัด เปิดเผยว่า ในฐานะผู้ประกอบการท่องเที่ยวมีความกังวลกับทัศนคติของคนในสังคมที่มีต่อนักท่องเที่ยวชาวจีนในขณะนี้ บางคนมองนักท่องเที่ยวจีนเป็นสัตว์ประหลาด ที่ไหนมีคนจีนเยอะๆ หลีกเลี่ยงจะเข้าไปปะปน ซึ่งตนไม่เห็นด้วย

อีกทั้งการนำเสนอข่าว การติดตามสถานการณ์ผู้ป่วยที่เข้าข่ายต้องสงสัยติดไวรัสโคโรนาที่เข้ามาในประเทศไทย น่าจะระบุว่า พบกี่คน แล้วรักษาตัวจนหายดีแล้ว รวมถึงกลับประเทศแล้วกี่คน จนล่าสุดเหลือกี่รายมากกว่า จะนับว่า วันนี้เจอเพิ่มอีกคนเท่านั้น 

ส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทยไทยช่วงตุรษจีน และยังติดค้างอยู่ในประเทศไทย เพราะบ้านเขาปิดเมือง กลับเข้าประเทศไม่ได้ ทางการไทยก็น่าจะมีศูนย์ช่วยเหลือ หรือกลไกที่จะดูแลนักท่องเที่ยวเหล่านี้ ซึ่งกรณีนักท่องเที่ยวที่มากับทัวร์ยังพอมีบริษัททัวร์ดูแล จัดหาที่พักให้ต่อ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT หรือ นักท่องเที่ยวที่เดินทางด้วยตัวเอง กลุ่มนี้ถ้าเขาเป็นอะไรก็อาจจะติดตามยาก

"คนจีนเป็นคนที่รักใคร แค้นใครชัดเจน ถ้าวันนี้เขาประสบปัญหา ยังกลับประเทศไม่ได้ ถ้าเราดูแลเขา ไม่รังเกียจเขา มีระบบดูแลชัดเจน เขาย่อมกลับมาเที่ยวบ้านเราอีกแน่นอน และในฐานะผู้ประกอบการเราต้องการกำลังใจ ต้องการรันตลาดจีนนี้ทั้งหมด" นายสุรวัช กล่าว

พร้อมกันนี้ ยังระบุด้วยว่า หากสถานการณ์ของไวรัสยังมีต่อเนื่องนับจากนี้ไปอีกสัก 3 เดือน ผู้ประกอบการต้องมีแผนระยะยาวว่าจะรักษาตลาดเดิมอย่างไร และจะรองรับกลุ่มที่จะมาใหม่อย่างไรด้วย

นักท่องเที่ยวจีน-ไวรัสโคโรนา-หน้ากาก-ไหว้

แนะรัฐหาวิธีดูแลนักท่องเที่ยวจีนตกค้าง กลับบ้านยังไม่ได้

ด้านนายทินกร แซ่เลื่อง ประธานชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลางแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ที่ผ่านมามีชาวอู่ฮั่นชื่นชอบมาท่องเที่ยวประเทศไทย และคาดว่าน่าจะมีเข้ามาวันละประมาณ 10,000 คน และเท่าที่พอมีข้อมูลคือ คนจีนจากมณฑลหูเป่ยที่เข้ามาเที่ยวเมืองไทยช่วงระหว่างวันที่ 8-23 ม.ค. 2563 น่าจะมีราวๆ 30,000 คน แล้วล่าสุดน่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนที่ตกค้างกลับบ้านไม่ได้อยู่ในไทยตอนนี้ราวๆ 10,000 คน ซึ่งในกลุ่มสมาคมท่องเที่ยวพยายามเสนอให้มีศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว รวมถึงหารือกับทางกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ต่อวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่อาจต้องติดค้างอยู่ในประเทศไทยนานกว่ากำหนด

"จากที่สัมผัสกับลูกทัวร์ช่วงที่มีกรณีไวรัสโคโรนา คือ พวกเขากังวลว่าจะกลับบ้านไม่ได้ หรือกลับแล้ว กลัวถูกกัก และบางคนตอนนี้ยังท่องเที่ยวอยู่แถวพัทยา กรุงเทพฯ หรือกระจัดกระจายไปที่ต่างๆ แต่สิ่งที่น่าเห็นใจคือ นักท่องเที่ยวจีนที่มีคนรู้ว่าเป็นคนอู่ฮั่น หรือหูเป่ย เมื่อไปเที่ยวบางสถานที่ในไทย ก็ไม่ได้รับการต้อนรับ ลงจากรถทัวร์ไม่ได้ เป็นต้น" นายทินกร กล่าว

อย่างไรก็ดี ในกลุ่มผู้ทำหน้าที่มัคคุเทศก์ก็จะช่วยกันสังเกตอาการลูกทัวร์ ให้คำแนะนำ ถ้าพบใครป่วย ตัวร้อน ไอ ก็รีบส่งโรงพยาบาล ไปตามสถานที่ต่างๆ ก็แจกหน้ากากอนามัยให้สวมใส ดังนั้นสำหรับนักท่องเที่ยวที่มากับบริษัททัวร์จึงน่ากังวลน้อยกว่านักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางด้วยตัวเอง หรือ กลุ่ม FIT 

สุวรรณภูมิ-สนามบิน-ท่องเที่ยว-เดินทาง-ต่างชาติ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินยืดเยื้อเกิน 1 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวจีนหดตัวร้อยละ 2

ด้านบริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ 2019 Novel Coronavirus (n-CoV) ในจีน ต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย แบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่  

กรณีที่ 1 หากการระบาดของเชื้อไวรัสฯ อยู่ในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน ภายใต้สถานการณ์ที่ทางการจีนสามารถควบคุมการระบาดของโรคได้อย่างรวดเร็ว ดังจะเห็นได้จากการที่ทางการจีนได้ให้ความสำคัญโดยมีการออกมาตรการขั้นสูงเพื่อควบคุมและหยุดการแพร่ระบาดของโรค กอปรกับไม่มีการแพร่ระบาดในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ  

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า กรณีที่ 1 นี้ น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะสั้น ในกรอบระยะเวลาไม่เกิน 1 เดือน เบื้องต้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนโดยเฉพาะจากเมืองอู่ฮั่น และน่าจะทำให้ไม่ส่งผลกระทบถึงภาพรวมของตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยและการเดินทางท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่เป็นตลาดเป้าหมายของไทย ดังนั้นจึงยังคงกรอบเป้าหมายเดิม โดยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2563 ทั้งปีจะมีประมาณ 11.10-11.30 ล้านคน ซึ่งกรอบล่างของประมาณการน่าจะสามารถรองรับได้ 

กรณีที่ 2 หากการระบาดของเชื้อไวรัสฯ ขยายระยะเวลาเป็น 1-3 เดือน ซึ่งทางการจีนอาจต้องใช้ระยะเวลาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคในประเทศจีนที่นานขึ้น และจะเริ่มส่งผลกระทบต่อตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย แม้กรณีนี้จะยังไม่พบการแพร่ระบาดในประเทศไทยหรือประเทศอื่นๆ แต่เนื่องด้วยเมื่อระยะเวลาของการแพร่ระบาดของโรคยาวนานขึ้นก็จะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจของประเทศจีนและสะท้อนกลับมายังกำลังซื้อของประชาชนชาวจีนในประเทศ รวมถึงอาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศและความต้องการในการเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีน นอกจากนี้ ประชาชนชาวจีนบางส่วนอาจมีการปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวไปยังแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยหรือไม่มีข่าวการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว 

ดังนั้นภายใต้กรณีดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2563 อาจลดลงเหลือประมาณ 10.94-10.77 ล้านคน หรือหดตัวประมาณร้อยละ 0.5-2.0

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัส 2019 Novel Coronavirus (n-CoV) ในจีน น่าจะยังส่งผลจำกัดต่อการท่องเที่ยวไทย เนื่องด้วยสถานการณ์ครั้งนี้ทางการจีนมีระบบการจัดการที่รวดเร็วและเข้มข้น ประกอบกับวิวัฒนาการทางการแพทย์และเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้น และการสื่อสารที่ทั่วถึงทำให้นักท่องเที่ยวมีการหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยง ซึ่งช่วยลดการแพร่ระบาดของโรค ทำให้ผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยอาจจะยังไม่ยกระดับเท่ากับกรณีการแพร่ระบาดของโรค SARS (จากรายงานของ World Health Organization พบว่า เชื้อมีการแพร่ระบาดใน 29 ประเทศ ในหลายภูมิภาค มีผู้ป่วย 8,096 ราย และมีผู้เสียชีวิต 774 ราย) โดยในช่วงเวลานั้นส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวเป็นระยะเวลา 6 เดือน ทำให้ทั้งปี 2546 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยหดตัวร้อยละ 18.2 ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเที่ยวไทยหดตัวร้อยละ 7.4 หรือมีจำนวน 10.00 ล้านคน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :