ไม่พบผลการค้นหา
ราษฎรลั่นกลอง ต้อนรับแกนนำเข้าพื้นที่ชุมนุมหน้ารัฐสภา ขณะที่ ตร. เตรียมรถ ‘จีโน่’ ไว้ด้านในรัฐสภา

บรรยากาศการรวมตัวชุมนุมบริเวณรัฐสภาเกียกกายวันนี้ของกลุ่มราษฎร ตั้งแต่วันนัดหมายคือ 15.00 น. พบว่ามีการเข้าเดินทางเข้ามากลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณด้านหน้าประตูทางเข้าออกรัฐสภา โดยไม่พบการปิดกั้นไม่ให้เข้าพื้นที่จากเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด 

โดยขบวนหลักของราษฎรแบ่งขบวนเดินทางเข้ามาบริเวณหน้ารัฐสภาเป็น 2 ทางด้วยกันคือ ฝั่งแยกบางโพ และฝั่งห้างซูพรีม ได้เดินทางเข้ามาถึงในพื้นที่เวลา ประมาณ 16.45 น. คาดว่ามีผู้ชุมนุมเข้าร่วมแล้วมากกว่า 500 คน ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายในรั้วรัฐสภาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมรถฉีดน้ำแรงดันสูง (รถจีโน่) ไว้ 1 คัน เมื่อขบวนหลักเดินทางเข้าในพื้นที่พร้อมตั้งจุดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกรัฐสภาเสร็จแล้ว ทางกลุ่มราษฎรประกาศว่า ผู้ที่ขึ้นอภิปรายรายแรกคือ 'ครูใหญ่' - อรรถพล บัวพัฒน์


ครูใหญ่ ชู 3 นโยบายหลัก 1 นโยบายเร่งด่วน

'ครูใหญ่' ระบุว่า ข้อเรียกร้องสำคัญประการแรกคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอเช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องยุติบทบาทในการลริหารประเทศทั้งหมด เนื่องจากนับตั้งแต่มีการรัฐประหารในปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีประสิทธิภาพในการพัฒนาประเทศ ทั้งในฝั่งเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิต  ข้อเสนอประการที่สองคือการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งสอดคล้องกับข้อเรียกร้องต่อมาคือการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 


"ประเทศไทยจำเป็นต้องมีสถาบันกษัตริย์ แต่สถาบันต้องอยู่กับคนในประเทศให้ได้ผ่านการปฏิรูป"


สำหรับนโยบายเร่งด่วน ครูใหญ่ เรียกร้องให้ยกเลิกประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวทำให้ประชาชนต้องติดคุกทั้งๆ ที่ศาลยังไม่ได้มีคำตัดสิน และไม่ให้สิทธิในการประกันตัว คือการขัดสิทธิมนุษยชนสากล พร้อมย้ำว่า ทุกคนในประเทศสามารถอยู่ภายใต้กฎหมายหมิ่นประมาทเดียวกันได้


"ฆ่าคนตายยังประกันได้ แต่คนพูดความจริงทำไมประกันไม่ได้ หรือคุณจะจับพวกเราติดคุกให้หมด"



'สามเณรโฟล์ค' ชี้กำลังอันน้อยนิดจะพิชิตอำนาจใหญ่

สามเณรสหรัฐ สุขคำหล้า หรือโฟล์ค นักศึกษาปริญญาตรี วิทยาลัยศาสนศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวอภิปรายนอกสภา ตอนหนึ่งว่า เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 พล.อ.ประยุทธ์บอก ‘อันศึกนอกศึกไกล ผมไม่ห่วง แต่หวั่นทรวงศึกใกล้ ไล่ข่มเหง หากคนไทย หันมาฆ่ากันเอง เราจะร้องเพลงชาติไทยให้ใครฟัง’

อยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ คำว่าชาติไม่ได้หมายถึงชนชั้นสูง แต่ชาติของเป็นของคนเล็กคนน้อย เอาไว้ต่อรองอำนาจ เช่น การเข้าร่วมอาเซียน ร่วมแต่เศรษฐกิจแต่เราไม่มีอะไรปกป้องคนเล็กคนน้อยเลย

“สถานการณ์ที่พม่าตอนนี้เป็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ไม่พูดอะไร ก็คือการสนับสนุน รับได้หรือไม่ เรารวมตัวกัน เพื่อหวังปกป้องคนเล็กคนน้อย แรงงาน คนรับจ้าง ถามว่า ถ้าเราไม่ปกป้องสิทธิคนเล็กน้อย จนเกิดการล้างเผ่าพันธุ์ เราจะอยู่อาเซียนไปทำไม” สามเณรสหรัฐกล่าว

ม็อบคณะราษฎร หน้าสภา 2_8912022708002526453_n.jpg


แนวร่วมราษฎร ปราศรัยอัด นายกฯ -รมว.คลัง บริหารเศรษฐกิจตกต่ำ

ศุภณัฐ กิ่งแก้ว หรือ เนย กลุ่ม บัณฑิตธรรมศาสตร์ของราษฎร อภิปรายนอกสภา ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ และอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.การคลัง โดยศุภณัฐกล่าวว่า ในวันที่อาคมรับตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า เป็นคนคุ้นเคยทำงานร่วมกันได้แน่นอน จึงไปหาข้อมูล ว่าใกล้ชิด กันอย่างไร โดยก่อนการรัฐประหาร อาคมดำรงตำแหน่งล่าสุด เป็นเลขาธิการสภาพัฒน์, หลังรัฐประหาร ปี 57 มีตำแหน่งใน สนช.จากนั้นไม่กี่เดือน ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม ถัดมาได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่เป็นกระทรวงเกรดเอ ซึ่งเชื่อว่ามีการทุจริตอย่างมาก แ

เช่นความผิดปกติในการแต่งตั้งที่ปรึกษารถไฟรางคู่ ใช้งบ 117 ล้านบาท ผู้ร้องเรียน คือ นาย อ. เป็นข้าราชการสำนักนโยบาย แผนขนส่งและจราจร ระดับซี 7 ตอนทำสัญญาพบว่า เป็นชื่อ นาย ร. แต่พอปฏิบัติงานเข้าจริง กลับพบว่าเป็นนาย ม. เป็นการผิดสัญญาที่ตกลงเอาไว้ ปัญหาคือเมื่อมีการผิดสัญญาและมีการโอนเงินไปกว่า 60 ล้านบาท ซึ่งสำนักข่าวอิศราจึงไปสอบถาม แต่อาคมไม่ตอบ และโยนให้ ผอ.สำนักนโยบายฯ ชี้แจง การทุจริต 117 ล้านบาท ทำให้ข้าราชการ อ. ระดับ ซี 7 ถูกโยกย้าย จึงต้องถามว่าจะตอบคำถามในเรื่องนี้อย่างไร

นอกจากนี้ อาคม และ พล.อ.ประยุทธ์ ล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน จากการแพร่ระบาดของโควิด เสียหายกว่า 1 ล้านล้านบาท ส่วนใหญ่ในภาคส่งออกและบริการ ในช่วงล็อกดาวน์ ภาคการผลิตตก แรงงานตกงานเพิ่มขึ้นสองเท่าตัว ทำให้คนไทยหลายคนต้องทนทุกข์ เพียงเพื่อสนองความอวดฉลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ อวดภูมิว่าตัวเองมีความรู้


"ซึ่งภายใต้การบริหาร โดยมีพล.อ.ประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีม บางคนหันไปค้ายาเสพติด ไม่มียุคไหนที่ยาเสพติดราคาถูกกว่าข้าวราดแกง"


ถ้าเทียบประเทศไทยเป็นเรือ ไทยคือเรือที่ล่มคนไทยกำลังจะจมน้ำ แทนที่รัฐบาลจะยื่นมาช่วยมือให้พ้นจากน้ำ กลับมาบอกว่าคนว่ายน้ำเป็นยังไม่ช่วย ช่วยคนที่ว่ายไม่เป็นก่อน แล้วถามว่ารัฐบาลรู้หรือว่าใครว่ายน้ำเป็นบ้าง

จากนั้นเวลา ณัฐพงศ์ ปานมาศ เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยถึงเพื่อนที่ยังอยู่ในเรือนจำ โดยย้ำว่า เหตุที่ต้องมายืนที่นี่เพราะมีรัฐบาลที่ไม่ฟังเสียงประชาชน จับคนเห็นต่างเข้าคุก รัฐบาลนี้หมดความชอบธรรม พร้อมเปรียบเทียบด้วยว่า ถ้าการเมืองดีคนอย่างศรีนวลไม่มีทางเป็นงูเห่า ลุงนวมทองต้องไม่ตายแม่พะเยาว์ จะไม่เสียน้องเกด และไม่มีใครกล้ายิงเสื้อแดงกลางกรุง จึงถึงเวลาที่เราต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย


อัด โครงการ "ไทยชนะ"เข้ากระเป๋านายทุน

ชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบร์ท เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี กล่าวอภิปรายนอกสภา ว่าดีใจที่ได้มาพบกันอีกครั้ง หลายคนเห็นการอภิปรายไปแล้ว จึงอยากพูดเรื่องที่เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ นั่นคือโครงการเราชนะ คนไทยมี 60 กว่าล้าน แต่คนที่ได้รับเงินจากโครงการเราชนะมีเพียง 1 ล้านคน ชินวัตรแกล่าวด้วยว่าการตั้งชื่อ ไทยชนะ คนไทยไม่ได้ชนะ คนชนะคือเจ้าสัวหรือนายทุน พร้อมยกตัวอย่างว่า คนแถวบ้านตนเองนั้น อยากไปซื้อของที่ร้านโชห่วยไม่มีเงิน แต่บัตรนี้เป็นช่องทางให้กับคนที่หากินบนหลังคน คือนำบัตรเราชนะ งวดแรก 2,000 บาท ถ้าอยากได้เป็นเงินสดจะถูกหักไปร้อยละ 20

นี่คือเรื่องจริงไม่ใช่แค่โครงการนี้ มีหลายโครงการ ไม่ว่าจะบัตรคนจน หรือบัตรประชารัฐ ถามว่าไปซื้อสินค้าโชห่วยได้ไหม ไม่ได้ ต้องไปซื้อร้ายที่มีป้ายธงฟ้าประชารัฐ ซึ่งต่างกันตรงที่ร้านนี้ต้องไปซื้อของจากนายทุน ดังนั้น ที่ว่ากระตุ้นเศรษฐกิจช่วยประชาชน ให้เศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ แต่แท้จริงแล้วกลับเอาเงินเข้ากระเป๋าเรา แล้วเอาไปเข้ากระเป๋านายทุนต่อ

โดยในช่วงท้ายการชุมนุม เบนจา อะปัญ สมาชิกแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ได้อ่านแถลงการณ์ มีเนื้อหาวิพากษ์การทำงานรัฐบาล ซึ่งไม่เคารพเสียงของประชาชน สร้างความเลวร้ายให้ประเทศมาตลอด 7 ปีที่ผ่านมา เพียงเพื่อต้องการสืบทอดอำนาจ ใช้กลโกงผ่านการแทรกแซงทางการเมือง และลุแก่อำนาจ

ก่อนที่แกนนำการชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุม ในเวลา 20.50 น.

377154.jpg


ม็อบ 20 กุมภา


อ่านเพิ่มเติม