ไม่พบผลการค้นหา
เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ตั้งคำถามเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่สองมาตรฐานหรือไม่ กรณีสลายการชุมนุมราษฎร 17 พ.ย. พร้อมเรียกร้องนายกฯลาออก เพื่อสะสางความขัดแย้ง

วีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ อ้างว่าการปะทะกันที่หน้ารัฐสภา มวลชนของฝ่ายราษฎรเริ่มก่อนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นผู้สรุปเอาเองหรือไม่ และเอาหลักฐานจากข้อเท็จจริงใดมาเป็นข้อสรุป เพราะมีภาพวีดีโอที่บันทึกไว้ว่ากลุ่มชายเสื้อเหลืองได้เรียกระดมพลเพื่อ เข้ามาไล่มวลชนคณะราษฎรที่อยู่บนสะพานลอย ดังนั้นจะรีบสรุปว่าใครเป็นผู้เริ่มหรือยุยงก่อน หรือใช้ความรุนแรงก่อนจึงยังไม่สามารถสรุปได้ ตามที่ตำรวจกล่าวอ้าง

พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงกรณีชายที่สวมใส่ชุดสีชมพู ว่าเหตุใดจึงกล้าที่จะแสดงท่าการใช้อาวุธปืนท่ามกลางผู้ชุมนุมจำนวนมาก เหมือนเป็นความจงใจที่ต้องการให้มีการเผยแพร่ภาพหรือไม่ ซึ่งภาพดังกล่าว สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา ได้นำไปให้กับสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีเผยแพร่ต่อ เหตุใดสื่ออื่นถึงไม่ได้ เหตุใดสื่ออื่นจึงไม่เห็นถือเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ ทำเหมือนเป็นความจงใจ และใครเป็นผู้จงใจที่จะถ่ายภาพวีดีโอภาพนี้ออกมาเผยแพร่ 


บี้ตรวจสอบชายชุดชมพู
ม็อบ 17 พ.ย. เสื้อเหลืองปะทะคณะราษฎร สลายการชุมนุม

ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องติดตามหาบุคคลดังกล่าวมาสอบสวน เพื่อความกระจ่างว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ฝ่ายใด ทั้งยังปรากฏในเวลาต่อมาว่า ชายที่สวมใส่ชุดสีชมพู กลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มของมวลชนเสื้อเหลือง ซึ่งชายคนดังกล่าวยังมีรูปร่างหน้าตา คล้ายกับบุคคลที่ถูกจับได้ในค่ายทหารช่วงเวลากลางคืนด้วย จึงต้องถามต่อไปว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ตรวจสอบเขม่าดินปืนกับชายคนที่ถูกจับ และเป็นมวลชนของคนเสื้อเหลืองด้วยหรือไม่ และปืนดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องตรวจสอบ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวและเงียบเฉย


ชี้ ตร.เข้าข่ายละเว้นปฏิบัติหน้าที่ 

วีระ เห็นว่าการควบคุมการชุมนุมที่หน้าอาคารรัฐสภาเจ้าหน้าที่ตำรวจ อาจเข้าข่ายการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพราะปรากฏข้อเท็จจริงปรากฎภาพว่ามีตำรวจเดินมาแจ้งว่าจะให้เวลาอีก 1 นาที เพื่อแหวกทางให้คนเสื้อเหลือง กรณีดังกล่าวเป็นความชัดเจน ว่าอาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จึงต้องเร่งตรวจสอบ ว่าเป็นคำสั่งของบุคคลใด เพราะจากภาพปรากฏว่าเมื่อ มวลชนเสื้อเหลืองอยู่หลังแนวตำรวจแล้ว แต่เหตุใดจึงไปเปิดให้มวลชน เข้ามาเผชิญหน้าและปะทะกัน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะต้องมีการตรวจสอบ ส่วนการให้ข้อมูลและแถลงข่าวของตำรวจ ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงทั้งหมด เช่นระบุว่าไม่มีการใช้กระสุนยาง หรือไม่ได้อำนวยความสะดวกให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งต้องเป็นเรื่องที่นำไปสู่การหาข้อเท็จจริงเพราะการให้ข่าวของตำรวจยังขัดแย้ง กับข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง 


ซัดนายกฯอย่าสองมาตรฐาน
ราษฎร ฉีดน้ำ ควัน เบริเออร์  ม็อบ สลายการชุมนุม รัฐสภา

นอกจากนี้ วีระ ได้ตั้งคำถามถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์ระบุจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดว่า ที่ผ่านมามีการเลือกปฏิบัติหรือบังคับใช้กฎหมายเคร่งครัด เฉพาะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งใช่หรือไม่ ดังนั้นการประกาศจึงต้องมีคำถามว่า ต่อไปรัฐบาลจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัดกับทุกคนทุกกลุ่มใช่หรือไม่ หรือจะเลือกใช้เฉพาะคนเฉพาะกลุ่มเหมือนเช่นที่ผ่านมา และจะใช้กฎหมายรุนแรงขึ้น กับบางคนบางกลุ่มแต่บางคนบางกลุ่ม ก็จะได้สิทธิพิเศษอยู่เช่นเดิมใช่หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องจับตาต่อไป 

รัฐบาลไม่ควรเข้ามาเป็นคู่ขัดแย้ง ด้วยการยั่วยุเช่นนี้ เพราะการประกาศยกระดับการใช้กฎหมายเข้มข้น ของนายกรัฐมนตรีไม่ต่างจากการท้าทายผู้ชุมนุม และต้องไม่ลืมว่าการออกมาเคลื่อนไหวของ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา ถูกปฏิเสธข้อเรียกร้องจากรัฐบาลโดยสิ้นเชิง แม้เด็กจะใช้ความพยายาม พูดคุยและเสนอแนะด้วยดี แต่รัฐบาลไม่ยอมประนีประนอม กับมวลชนที่ออกมาเคลื่อนไหว และยังพบว่ารัฐยังใช้ความไม่เป็นธรรมกับมวลชนคณะราษฎร แต่เพียงฝ่ายเดียวแต่ดูแลเป็นพิเศษกับอีกฝ่าย โดยเฉพาะมวลชนเสื้อเหลือง ดังนั้นเมื่อไม่มีความยุติธรรมการชุมนุม จึงไม่สามารถหยุดลงได้ เยาวชนนักเรียน นักศึกษาจึงต้องเดินหน้าชุมนุมต่อ 

และรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบหากวันที่ 25 พ.ย.ที่จะมีการชุมนุมนี้ มีสถานการณ์เกิดขึ้น ขณะเดียวกันมั่นใจว่า การบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดจะไม่สามารถหยุดการขับเคลื่อนของคณะราษฎรได้ เว้นแต่นายกรัฐมนตรีจะลาออกและทำตามข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของคณะราษฎร และมั่นใจว่า ท่าทีที่ท้าทายของรัฐบาล ไม่ทำให้เยาวชนที่ออกมาชุมนุมจะเกรงกลัว เพราะ มวลชนเหล่านี้ ก็ถือว่าตนเองได้ดำเนินการตามสิทธิที่พึงมี ที่รัฐธรรมนูญเปิดช่องให้สามารถใช้สิทธิเสรีภาพในการชุมนุมได้ 


กมธ.เตรียมเรียก ผบ.ตร. แจงเหตุยิงแก๊สน้ำตา

ครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า การประชุมกรรมาธิการฯ ในสัปดาห์หน้า จะเสนอให้เรียก พล.ต.อ.สุฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการฯ ถึงเหตุการณ์ความวุ่นวายในการชุมนุมของคณะราษฎรที่บริเวณหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา 

ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ชุมนุม และมีเหตุการณ์ม็อบปะทะม็อบ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และทรัพย์สินราชการได้รับความเสียหาย โดยจะสอบถามข้อมูลจากผบ.ตร. และผบช.น.ถึงวิธีการสลายการชุมนุมว่า ดำเนินการถูกต้องตามขั้นตอนสากลหรือไม่ และเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างมวลชนที่เกิดขึ้นนั้น ใครเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เพื่อสรุปข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าใครจะต้องมีส่วนรับผิดชอบบ้าง

อ่านเพิ่มเติม