ไม่พบผลการค้นหา
สื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เปรียบเทียบความเหมือนระหว่าง 'ไทย-กัมพูชา' กรณีใช้กฎหมายจับกุม-ดำเนินคดีผู้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลและเรียกร้องการเลือกตั้งที่โปร่งใส-เป็นธรรม ส่วนองค์กรสิทธิมนุษยชนแถลงรัฐบาล คสช. ไม่ทำตามสัญญาปรองดอง ไล่จับกุมผู้เห็นต่าง

เว็บไซต์ Today Online สื่อในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผยแพร่บทความแสดงความคิดเห็นของรองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ของไทย ซึ่งเปรียบเทียบสถานการณ์ทางการเมืองระหว่างไทยและกัมพูชา โดยระบุว่ารัฐบาลของทั้งสองประเทศกำลังใช้กฎหมายต่างๆ ในการจับกุม-ดำเนินคดีผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหววิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ซึ่งเปิดทางให้ศาลตัดสินยุบพรรคการเมืองที่เป็นคู่แข่งของรัฐบาลได้

บทความดังกล่าวระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาใช้ข้อหากบฎจับกุมผู้นำพรรคฝ่ายค้าน พรรคกู้ชาติกัมพูชา หรือซีเอ็นอาร์พี ส่งผลให้ศาลในกรุงพนมเปญตัดสินยุบพรรคซีเอ็นอาร์พีเมื่อต้นปีที่ผ่านมา และเป็นการดำเนินการก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่ทั่วกัมพูชาปีนี้ ทั้งยังมีการบังคับใช้กฎหมายลงโทษผู้กระทำผิดในข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเป็นครั้งแรกเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องทางการเมืองกัมพูชาระบุว่าเป็นการใช้กฎหมายปิดปากผู้ที่เห็นต่าง เพราะกฎหมายหมิ่นฯ มีการตีความที่กว้าง ไม่เฉพาะเจาะจง แต่มีบทลงโทษร้ายแรงถึงขั้นจำคุก 5 ปี 

ส่วนกรณีของประเทศไทย มีความเคลื่อนไหวล่าสุด คือ รัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตั้งข้อหาและดำเนินคดีแกนนำพรรคเพื่อไทยทั้ง 8 คนจากกรณีที่พวกเขาจัดแถลงข่าวเรื่องผลงานของรัฐบาลในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้เกี่ยวข้องกับการเมืองไทยมองว่าประเด็นดังกล่าวอาจนำไปสู่การยุบพรรคเพื่อไทยก่อนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้งที่ชัดเจนออกมา ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นภาพสะท้อนของ 'ประชาคมอาเซียน' 

คนอยากเลือกตั้ง

ขณะเดียวกัน องค์กรระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน 'ฮิวแมนไรท์วอทช์' หรือ HRW ออกแถลงการณ์ลงวันที่ 23 พ.ค. ประณามการจับกุมและตั้งข้อหาแกนนำกลุ่ม 'คนอยากเลือกตั้ง' รวม 14 คน จากการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาล คสช.แสดงความชัดเจนเรื่องการเลือกตั้ง และเรียกร้องให้ คสช.ยุติบทบาทเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.)

แบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการ HRW ประจำภูมิภาคเอเชีย ระบุว่านับตั้งแต่รัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา รัฐบาลทหารของไทยบังคับใช้กฎหมายและคำสั่งพิเศษหลายข้อในการจับกุมและดำเนินคดีผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องการเปลี่ยนผ่านกลับคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย ทั้งยังปิดกั้นการชุมนุมแสดงออกทางการเมืองอย่างสันติ ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของพลเมือง ทำให้มีนักกิจกรรมและประชาชนผู้เห็นต่างนับร้อยคนที่ถูกจับกุมและควบคุมตัว


"การจับกุมนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวอย่างสันติเพื่อเรียกร้องการเลือกตั้งที่โปร่งใสและเป็นธรรม เป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลทหารไทยไม่ได้ตั้งใจจะผ่อนคลายอำนาจกดขี่แต่อย่างใด" แบรด อดัมส์ กล่าวในแถลงการณ์ของ HRW


นอกจากนี้ อดัมส์ระบุด้วยว่า ทุกครั้งที่มีการจับกุมโดยมีแรงจูงใจจากเรื่องการเมือง เส้นทางกลับสู่ประชาธิปไตยของไทยก็ยิ่งเลือนลางลงไปทุกที ซึ่งทาง HRW เรียกร้องรัฐบาลนานาประเทศร่วมกันกดดันให้รัฐบาลทหารไทยกำหนดวันเลือกตั้งออกมาให้ชัดเจน และต้องอนุญาตให้ประชาชนและกลุ่มการเมืองใช้สิทธิในการจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และถกเถียงนโยบายทางการเมืองเพื่ออนาคตของประเทศชาติ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: