ไม่พบผลการค้นหา
คนร้ายลอบยิงปืนใส่รถยนต์ "พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล" เจ้าตัวปลอดภัย เนื่องจากไม่ได้อยู่ในรถ ตำรวจเร่งเช็กวงจรปิดล่าคนร้าย ด้าน "ประวิตร" สั่งเพิ่มความปลอดภัย

วานนี้ (6ม.ค.63) เมื่อเวลา 21.40 น. เกิดเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นักบริหารระดับสูง) ที่จอดอยู่ข้างร้านนวดแผนไทยแห่งหนึ่ง ย่านบางรัก แต่ปรากฏว่าพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ลงไปทำธุระไม่ได้อยู่ในรถ ทำให้ไม่ได้รับอันตรายจากเหตุการณ์ดังกล่าว

เว็บไซต์เดลินิวส์ รายงาน พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ได้เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนได้เดินทางมารับประทานข้าวและแวะทำธุระที่ย่านดังกล่าว โดยจอดรถไว้ที่บริเวณลานจอดรถ กระทั่งเวลากลับก็เห็นว่ารถมีร่องรอยของการถูกยิง จึงประสานทางตำรวจให้มาตรวจสอบ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทราบว่าคนร้ายมีจุดมุ่งหมายใด แต่จากการดูวิถีร่องรอยของกระสุนเชื่อว่าประสงค์ต่อชีวิต

"ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาขัดแย้งส่วนตัวกับใคร และทำหน้าปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภท ด้วยความมุ่งมั่น ตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย สิ่งที่ผมกังวลและเป็นห่วงคือเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในบริเวณที่เป็นใจกลางเมือง มีผู้คนพลุกพล่าน ซึ่งจากนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดตามขั้นตอนต่อไป" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ระบุ

เบื้องต้นฝ่ายสืบสวน สน.บางรัก อยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบหาเบาะแสคนร้าย และเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง พร้อมกับสอบปากคำพยานที่เห็นเหตุการณ์เพื่อติดตามคนร้ายต่อไป

ขณะที่มติชนออนไลน์ รายงานว่า พยานแวดล้อมได้ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ทราบว่าคนร้ายเป็นชายจำนวน 2 คน ขี่รถจักรยายนต์ ไม่ทราบเส้นทาง เข้ามาจอดใกล้กับรถ ก่อนชักอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่ที่บริเวณประตูรถคันดังกล่าว และหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดี สำหรับจำนวนคนร้ายนั้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อว่ามีจำนวน 2 คน จะต้องตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดว่ามีมากกว่านี้หรือไม่ต่อไป


82158805_524906294787192_1319163011276996608_n.jpg


"ประวิตร" สั่งเพิ่มความปลอดภัย หลัง "สุรเชษฐ์" โดนลอบยิง

พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ยังไม่ได้รับรายงานกรณีที่มีคนร้ายก่อเหตุยิงรถ พลตำรวจโทสุรเชษฐ์ แต่ทราบข่าวเป็นการเบื้องต้นแล้ว ส่วนจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องการทำงานยังไม่รู้ ต้องรอรายงานก่อน ส่วนการดูแลด้านความมั่นคงต้องเตรียมความพร้อมระมัดระวังกันไป


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :