นายแสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการพิจารณาคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมีตำแหน่งเป็นหัวหน้า คสช.อาจเข้าข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ จะขาดคุณสมบัติการเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ว่า กรณีนี้มีคนร้องเข้ามาให้ กกต. ตรวจสอบ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงาน กกต.

ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐอ้างว่าไม่จำเป็นต้องส่ง พล.อ.ประยุทธ์ไปดีเบตในเวทีต่างๆ นั้น หากดูตามกฎหมายแล้ว กฎหมายไม่ได้ห้ามว่าผู้ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เท่านั้นถึงจะขึ้นเวทีดีเบตได้ โดย กกต.ได้ออกหนังสือเชิญคนในพรรคและคนที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ ด้วย

นายแสวง ยืนยันว่า กกต. ใช้มาตรฐานเดียวกันในการตรวจสอบการระดมทุน หรือการรับบริจาคเงินของพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะการตรวจสอบกรณีของพรรคพลังประชารัฐ กกต.ใช้มาตรฐานเดียวกันกับพรรคการเมืองอื่นอีก 2-3 พรรค ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการพอสมควร

ส่วนกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ในส่วนของ กกต.จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายแสวง ปฏิเสธที่จะพูดถึงในรายละเอียด เพียงแต่ระบุว่ากฎหมายใช้คำว่ากรณีที่มีความปรากฏหรือมีเหตุสงสัย กกต.สามารถดำเนินการได้โดยไม่ต้องมีผู้ร้อง

เช่นเดียวกันกับกรณีที่พรรครวมใจไทยยื่นต่อ กกต. ขอให้เสนอศาลรัฐธรรมนูญยุบ 12 พรรคการเมือง นายแสวง ขอดูรายละเอียดของคำร้องก่อน พร้อมปฏิเสธที่จะยืนยันว่ากกต.มีข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าไปแก้ไขข้อมูลสมาชิกของทั้ง 12 พรรคการเมืองนั้นอยู่แล้ว