ไม่พบผลการค้นหา
'ประยุทธ์' ออกทีวีพูลเตือนม็อบชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. เสี่ยงจุดชนวนแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ ซัดทำลายความเชื่อมั่นนักธุรกิจ-การท่องเที่ยว-ศก.ปากท้อง ปลุกคนไทยตั้งการ์ดให้สูงขึ้น ย้ำสงครามโควิดยังอยู่อีกนาน ได้ยินเสียงค้าน รธน. แต่ขอลุยฟื้น ศก.ก่อน รับตัวเองนอนไม่หลับ วอนวางการเมืองไว้ก่อน

เวลา 18.00 น. วันที่ 17 ก.ย. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม แถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ถึงการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ในโลก ว่า "ผมขอพูดกับทุกท่านเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในโลก ซึ่งไม่ค่อยจะดีนัก และอาจจะส่งผลต่อประเทศไทยเราด้วย ในช่วงเวลาข้างหน้านี้ ตอนนี้ กำลังเกิดการระบาดของโควิดครั้งใหญ่ ระลอกใหม่ ทั้งในยุโรป และที่อื่นๆ หลายที่"

นายกรัฐมนตรี ยกตัวอย่าง ประเทศสเปนมีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 30,000 คน และปัจจุบัน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เพิ่มขึ้นวันละมากกว่า 12,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวันที่มากกว่า เมื่อตอนสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ในเดือน มี.ค. และ เม.ย.ที่ผ่านมา ประเทศฝรั่งเศสตอนนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เกือบ 10,000 คนต่อวัน ซึ่งเป็นจำนวนการเพิ่มต่อวัน ที่มากกว่าในช่วงที่สถานการณ์แย่ที่สุดเช่นเดียวกัน โดยปัจจุบัน ฝรั่งเศสมีผู้เสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 30,000 คน ประเทศอังกฤษ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในหนึ่งสัปดาห์ และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 42,000 คน และที่อื่นๆ ในโลกก็ด้วย อย่างที่ประเทศอินเดีย ตอนนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ ภายในแค่วันเดียว กว่า 90,000 คน หรือที่ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 30,000 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบ 200,000 คน

"โลกกำลังตกอยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ครั้งใหญ่ ระลอก 2 อย่างชัดเจน เมื่อช่วงเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาดโควิดบนโลก ประเทศไทยเริ่มรับมือและพยายามระงับการแพร่ระบาดในประเทศ อย่างเด็ดขาด และรวดเร็ว นั่นคือเหตุผลที่วันนี้ ประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่ถึง 10 คนต่อวัน เมื่อเราเทียบกับประเทศอื่น หลายประเทศที่ลังเลการปิดประเทศ และไม่ได้ดำเนินมาตรการ ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น ทำให้วันนี้ ประเทศเหล่านั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อวัน มากกว่าประเทศไทยเป็นพันๆ เท่า" 

การที่ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์แบบปัจจุบันนี้ได้ ถือเป็นความสำเร็จของแพทย์ทุกท่าน อาสาสมัครสาธารณสุขที่น่าทึ่งทุกคน พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และเจ้าหน้าที่บุคลากรด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องทุกคน ซึ่งเป็นผู้กล้าหาญที่อยู่แนวหน้า ช่วยยับยั้งและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศไทย รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐทุกหน่วยงานที่ทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพใน ศบค.

เตือนม็อบชุมนุมใหญ่จุดชนวนแพร่โควิด-19 ให้ลุกโชน ทำลาย ศก.ไทย

แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือคนไทยทั้งประเทศ ที่ร่วมแรงร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดในประเทศไทย ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือ และเว้นระยะห่างทางสังคม ตอนนี้ เมื่อในโลก โควิดกำลังกลับมาระบาดใหญ่อีกครั้ง ผมจึงอยากจะขอ พี่น้องประชาชนทุกคน ให้ลุกขึ้นมาตั้งการ์ดของตัวเองให้สูงขึ้นอีกครั้ง เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รักษาวินัยที่ดีไว้ อย่างที่เราเคยทำกันมา เพราะสงครามกับโควิด จะยังอยู่ไปอีกนาน

"ผมขอใช้โอกาสนี้พูดกับคนกลุ่มต่างๆ ที่อยากจะออกมารวมตัวกันประท้วงด้วยเหตุผลต่างๆ ของท่าน เมื่อเวลาที่ท่านมารวมตัวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงอย่างมหาศาล ที่จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิดระลอกใหม่ในประเทศไทย และขณะเดียวกัน ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยง ที่จะทำลายการทำมาหากินของคนไทยด้วยกัน อีกสิบๆ ล้านคน การจุดชนวนการแพร่ระบาดโควิด ให้เสี่ยงที่จะลุกโชนขึ้นมาอีก นั่นจะส่งผลกระทบที่เลวร้าย และทวีคูณปัญหาเศรษฐกิจให้กับประเทศไทย ไปสู่ระดับที่เรายังไม่เคยเจอมาก่อน ผมขอให้ทุกท่าน คำนึงถึงเรื่องนี้ ให้มาก" พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ในประเทศอื่น การรวมตัวกัน และการไม่รักษาวินัยในการป้องกันโรคระบาด ได้สร้างปัญหาให้กับประชาชนคนอื่นๆ ในประเทศของตัวเองมาแล้ว ตอนนี้ รัฐมนตรีสาธารณสุข ของประเทศอังกฤษ และประเทศอื่นๆ ในยุโรป กำลังเริ่มพูดถึงการกลับมาเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง หรืออย่างในรัฐใหญ่รัฐหนึ่ง ของประเทศออสเตรเลีย ตอนนี้การเปิดร้านค้าและออฟฟิศ หรือแค่การจะออกจากบ้าน ก็ยังมีข้อบังคับและข้อจำกัดมากมาย 

ส่วนในบ้านเรา แม้ว่าการไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศ จะสร้างความเจ็บปวดให้เราอย่างมาก แต่อย่างน้อย ร้านอาหาร ร้านค้าต่างๆ ยังเปิดได้อยู่ โรงเรียน ไซต์งานก่อสร้าง โรงงาน และสำนักงาน ยังเปิดได้ และการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยด้วยกันเองก็ยังคงทำได้อยู่ ดังนั้น เราจึงไม่ควรทำอะไรก็ตาม ที่จะเพิ่มความเสี่ยงให้ประเทศไทยต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง เหมือนเมื่อเดือน มี.ค. และ เม.ย. ที่ผ่านมา แบบนั้นจะยิ่งเพิ่มความเดือดร้อนและเจ็บปวดให้กับทุกคน

ย้ำได้ยินเสียงค้าน รธน. แต่ประเทศกำลังเจ็บปวดต้องแก้ ศก.

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า "ผมขอบอกทุกคนที่อยากจะออกมาชุมนุม ชัดๆ ว่า ผมได้ยินสิ่งที่ท่านพูด ผมรับทราบความคับข้องใจของพวกท่านในเรื่องการเมือง และความไม่พอใจเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ผมเคารพ ความคิดเห็น และความรู้สึกของท่าน แต่วันนี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับความเจ็บปวดเร่งด่วน ที่เราจำเป็นต้องจัดการก่อน นั่นคือการบรรเทาความเสียหายทางเศรษฐกิจที่โควิด-19 ได้ก่อให้เกิดขึ้นไปทั่วโลก เราไม่ควรทำให้สถานการณ์เลวร้ายยิ่งไปกว่านี้"

"การชุมนุมจะทำให้การฟื้นเศรษฐกิจเกิดการล่าช้า เพราะจะทำลายความเชื่อมั่นของนักธุรกิจ และสร้างความลังเลใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะมาเมืองไทย เมื่อถึงเวลาที่เราพร้อมจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง การชุมนุมจะสร้างความวุ่นวายในประเทศ และทำลายสมาธิการทำงานของภาครัฐในการจัดการกับโควิด และปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ผมจึงอยากขอให้เราเอาชนะโควิดและผ่านวิกฤตโลกครั้งนี้ ไปด้วยกัน ให้ได้ก่อน หลังจากนั้น เราค่อยกลับมาที่เรื่องการเมือง"

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าในสถานการณ์ปัจจุบันหลายประเทศ ใช้ความเด็ดขาดในการยุติการประท้วง ด้วยเหตุผลที่ไม่ยอมให้เกิดการกระทำที่จะเพิ่มความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโควิด โดยหลายประเทศ ห้ามไม่ให้มีการรวมตัวใดๆ ทั้งสิ้น อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ ในประเทศเยอรมัน เมื่อมีการประท้วงของคนจำนวนกว่า 38,000 คน มีผู้ถูกจับดำเนินคดีมากกว่า 300 คน ในคดีทำลายโอกาสของประเทศ ในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ การศึกษา และสังคม 

"แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมสั่งการไปคือ ขอให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติกับผู้ชุมนุมด้วยความนิ่มนวล เพราะผมยังเชื่อว่า ผู้ที่จะออกมาประท้วง จะมีความตระหนักรู้ ถึงสิ่งที่ควรต้องระมัดระวัง และอยู่ในขอบเขต แต่ผมก็ขอฝากไปถึงทุกคนที่จะออกมารวมตัวกันว่า ขอให้นึกถึงพี่น้องคนไทยด้วยกันให้มากๆ คนไทยอีกเป็นสิบๆ ล้านคน ที่จะได้รับผลกระทบ จากการที่ท่านกำลังเพิ่มความเสี่ยงในการเจ็บป่วยจากโควิด และเพิ่มความเสี่ยงให้เราต้องกลับไปล็อกดาวน์อีกครั้ง"

ประยุทธ์ 00B-BFA4-2A9348B52450.jpeg

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า "ภารกิจของผมชัดเจน คือ ผมต้องปกป้องคนไทยไม่ให้เกิดการสูญเสียในชีวิต เป็นหมื่นๆ ชีวิต เหมือนในประเทศอื่น และป้องกันหายนะทางเศรษฐกิจที่จะตามมาจากการเสียชีวิตของผู้คน และหายนะที่จะตามมาจากการล็อกดาวน์ เพราะฉะนั้น เรายังต้องระมัดระวัง ในการเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามา เพราะมีความเสี่ยงในการนำเชื้อโควิดเข้าสู่ประเทศไทย ซึ่งจะยิ่งสร้างปัญหาให้กับเราทุกคน"

"ในขณะที่ทำอย่างนั้น ผมก็รู้ถึงความเจ็บปวดของทุกคนที่อยู่ในภาคการท่องเที่ยว ผมรู้สึกจริงๆ ครับว่าทุกคนเจ็บปวด หลายครั้งผมนอนไม่หลับนะครับ เมื่อคิดถึงจำนวนคนที่ต้องตกงาน และจำนวนธุรกิจที่ต้องปิดกิจการลง เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก ซึ่งไม่มีทางออกไหนที่ไม่มีความเจ็บปวดรออยู่ การเปิดประตูประเทศ อาจจะทำให้มีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาในระดับนึง แต่เราก็รู้ว่าจะมีโควิดเข้าประเทศมาด้วยแน่นอน แม้จะมีการตรวจเช็คขนาดไหนก็ตาม"

พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า "สิ่งที่ผมกังวลคือ หากเกิดการระบาดใหญ่เป็นวงกว้างในประเทศ เราอาจจะไม่สามารถรับมือได้ และถ้ามันเกิดขึ้นแบบนั้น ความเดือดร้อนในเรื่องของเศรษฐกิจปากท้องจะยิ่งรุนแรงกว่าที่เป็นอยู่ ซึ่งจะไม่ได้ส่งผลเฉพาะกับภาคการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่จะส่งผลกับทุกภาคส่วนในสังคม"

"พี่น้องครับ เรากำลังเดินเข้าสู่ช่วงเวลาที่จะยิ่งยากลำบากมากขึ้น เราจึงควรวางเรื่องการเมืองเอาไว้ก่อน แล้วจับมือร่วมแรงร่วมใจกัน ผ่านพ้นความยากลำบากที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์โลกไปให้ได้ ผมขอให้ทุกคนยกการ์ดของตัวเองให้สูงอีกครั้ง สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และโชว์สปิริตของความเป็นไทยต่อไป ด้วยการร่วมแรงร่วมใจกันเอาชนะโควิดไปให้ได้" นายกรัฐมนตรี ระบุทิ้งท้าย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง