ไม่พบผลการค้นหา
จีนและรัสเซียคือสองชาติมหาอำนาจที่กลาโหมสหรัฐฯ ระบุในรายงานเมื่อปี 2561 ว่าเป็นประเทศที่สร้างความท้าทายทางการทหารให้กับสหรัฐฯ มากที่สุด สองปีต่อมา ความท้าทายดังกล่าวเพิ่มดีกรีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปธน.สหรัฐฯ คนใหม่ต้องเตรียมเจอศึกหนักเมื่อ 'กองทัพจีน' เรืองอำนาจ​

การปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัยอย่างเร่งด่วนของรัฐบาลจีน ส่งผลให้ขณะนี้กองทัพจีนเริ่มมีบทบาทสำคัญในระดับโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่าจีนนั้นมีศักยภาพในการแผ่ขยายอำนาจกองทัพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและภูมิภาคอื่นๆ บทวิเคราะห์พิเศษจาก CNN โดย แบรด เลนดอน ระบุไว้ว่า นี่จะเป็นความท้าทายอันใหญ่หลวงสำหรับผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสมัยถัดไป

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โลกได้เห็นถึงความเคลื่อนไหวที่รุนแรงของกองทัพจีน อย่างเช่น การปะทะของเจ้าหน้าที่จีนและอินเดียบริเวณชายแดนซึ่งเป็นพื้นที่พิพาททางฝั่งตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัยช่วงกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีกำลังพลของทั้งสองประเทศต้องเสียชีวิต เรื่อยไปจนถึงเหตุการณ์ที่กองทัพอากาศของจีนบุกน่านฟ้าไต้หวันและญี่ปุ่นอยู่หลายครั้ง และการเดินหน้าแสดงความเป็นเจ้าของในเขตพื้นที่พิพาททะเลจีนใต้อย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งยังมีการเพิ่มความถี่ในการซ้อมรบทางน้ำในพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิก จนบางครั้งมีการซ้อมรบทางน้ำมากถึง 5 ครั้งใน 5 สถานที่ในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันอย่างมาก

AFP - กองทัพจีน

แบรด เลนดอน นักวิเคราะห์จาก CNN ยังชี้ด้วยว่า ความเคลื่อนไหวของกองทัพจีนในทะเลจีนใต้ถือเป็นความท้าทายของสหรัฐฯ อย่างมาก เพราะที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐฯ ย้ำชัดว่านี่คือเขตพื้นที่เสรีและเปิดให้กับนานาชาติในเขตอินโด-แปซิฟิก เป็นพื้นที่ที่การค้าควรเกิดขึ้นได้โดยไม่ได้รับการกดดันจากชาติใดชาติหนึ่ง รวมถึงการทำประมงและและสิทธิในการครองครองแร่ธาตุควรเป็นไปตามข้อตกลงร่วมกันของนานาประเทศ

ความท้าทายหลักที่ผู้นำสหรัฐฯ คนใหม่ต้องเผชิญ

ไต้หวัน  ถือเป็นหนึ่งดินแดนที่รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงการสนับสนุนอย่างชัดเจนมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ถึงขั้นส่งเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงไปเยือนไต้หวันถึง 2 ครั้ง ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบหลายสิบปีที่มีความเคลื่อนไหวเช่นนี้เกิดขึ้น และแน่นอนว่าสร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งสหรัฐฯ ยังได้ช่วยเหลือด้านอาวุธด้วยการขายอาวุธระดับสูงอย่างเครื่องบินรบ F-16 ให้กับไต้หวันในราคาถูกกว่าปกติอีกด้วย ถือเป็นการยากที่ผู้นำสหรัฐฯ สมัยถัดไปจะถอนสหรัฐฯ ออกมาจากการสนับสนุนไต้หวันอย่างเต็มที่ได้

AFP - ธงชาติ ไต้หวัน

ทิมอตี ฮีธ นักวิจัยอาวุโสจากศูนย์ระดมความคิด RAND Corp ในมลรัฐวอชิงตันชี้ สิ่งที่ โจ ไบเดน อาจจะทำได้หากเขาได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนถัดไปก็คือการยอมอ่อนข้อให้กับรัฐบาลจีน ด้วยการยุติการส่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงไปเยือนไต้หวัน รวมถึงการลดระดับการช่วยเหลือด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ไม่ว่าใครจะชนะศึกเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ตาม มีความเป็นไปได้สูงว่าสหรัฐฯ จะเดินหน้าสนับสนุนไต้หวันต่อไป และจะเดินหน้าวิจารณ์ความพยายามของรัฐบาลจีนในการลดทอนความมั่นคงบนแผ่นดินของไต้หวัน

นักวิเคราะห์ยังมองว่า รัฐบาลจีนภายใต้การนำของสีจิ้นผิง ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งความพยายามในการรวมไต้หวันให้เป็นหนึ่งเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ และไม่มีทางที่จีนจะถอนกำลังของกองทัพหรือลดดีกรีความรุนแรงในการกดดันรัฐบาลไต้หวันลง ไม่ว่าจะเป็นการกดดันทางอากาศหรือทางน้ำ ไม่ว่าโดนัลด์ ทรัมป์ หรือ โจ ไบเดน จะครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยหน้า รัฐบาลจีนก็น่าจะยืนยันในแผนการกดดันไต้หวันต่อไปเช่นเดิม

ทะเลจีนใต้  ปัจจุบันรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่อ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่ทะเลจีนใต้แทบจะทั้งหมดแล้ว พร้อมทั้งมีการยกระดับการเข้าครอบครองในช่วงหลายปีที่ผ่านมาด้วยการเปลี่ยนพื้นที่ที่เคยเป็นแหล่งปะการังในทะเลจีนใต้ให้กลายเป็นเกาะเทียมที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์แทน พร้อมทั้งยกระดับกิจกรรมของกองทัพเรือจีนในพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งปัจจุบันมีรัฐบาลของอีกอย่างน้อย 6 ประเทศมีส่วนเกี่ยวข้องและต่างอ้างสิทธิ์เหนือพื้นที่พิพาทนี้เช่นเดียวกัน และแม้ว่าสหรัฐฯ จะไม่ได้อ้างสิทธิ์บนพื้นที่นี้ แต่ที่ผ่านมาก็มีปฏิบัติการทางทหารเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนึ่งในนั้นคือปฏิบัติการที่เรียกว่า Freedom of Navigation

หมู่เกาะพาราเซล ทะเลจีนใต้.jpg

ท่ามกลางความน่ากังวลที่เกิดขึ้น คาร์ล ชูสเตอร์ อดีตผู้อำนวยการด้านปฏิบัติการศูนย์ข่าวกรองร่วม US Pacific Command's Joint Intelligence Center ระบุว่า แคมเปญการหาเสียงของ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ยังไม่ได้มีแผนอะไรชัดเจนเกี่ยวกับการรับมือประเด็นข้อพิพาทพื้นที่ทะเลจีนใต้นี้

"อดีตรองประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวว่าเขาจะแข็งกร้าวมากขึ้นกับรัฐบาลจีนมากกว่าทรัมป์ ด้วยวิธีการเผชิญหน้าที่น้อยกว่า ... มันยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ว่าเขาหมายความว่าอย่างไรกันแน่" 

เขายังระบุด้วยว่า เมื่อครั้งที่บารัก โอบามา ดำรงตำแหน่งผู้นำ สองประเทศที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับข้อพิพาททะเลจีนใต้อย่างฟิลิปปินส์และเวียดนามต่างชี้ว่า "นโยบายของโอบามาไม่ได้นำไปสู่การกระทำอะไรที่ชัดเจน"

ชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ไม่ต้องการจ่ายเงินสนับสนุนฐานทัพอเมริกันเพิ่ม

ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีใต้และญี่ปุ่นคือสองชาติพันธมิตรที่สำคัญมากต่อสหรัฐฯ ไม่ว่าจะในระดับภูมิภาคหรือระดับโลก ที่ผ่านมาสิ่งที่ โดนัลด์ ทรัมป์ พยายามผลักดันก็คือการส่งสัญญาณให้ทั้งสองประเทศนั้นจ่ายเงินสนับสนุนกองทัพสหรัฐฯ ในประเทศของพวกเขาให้มากขึ้น พนักงานชาวเกาหลีใต้หลายพันคนที่ทำงานในฐานทัพสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้ต้องพักงานในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาระหว่างรอการพิจารณาว่าเกาหลีใต้จะสนับสนุนเงินเป็นจำนวนเท่าใด จนท้ายที่สุดก็สามารถบรรลุข้อตกลงได้ในเดือน มิ.ย. 

AFP - กองทัพสหรัฐฯ ทรัมป์ ญี่ปุ่น

ขณะที่สถานการณ์ในญี่ปุ่นมีความซับซ้อนน้อยกว่า เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจเพิ่มงบประมานทางการทหารถึง 8.3% นักวิเคราะห์คาดว่าอาจเกิดจากการกดดันของโดนัลด์ ทรัมป์ และหากโจ ไบเดน ได้เข้ารับตำแหน่ง ภาระหน้าที่ที่ชาติพันธมิตรต้องร่วมรับผิดชอบทางการเงินอาจมีความราบรื่นขึ้นกว่าในสมัยของทรัมป์ เพราะชื่อเสียงของไบเดนในการเจรจานั้นมีมากกว่าทรัมป์ ที่มักจะออกคำสั่งไปยังชาติพันธมิตร 

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากภายในของญี่ปุ่นและเกาหลีใต้อาจทำให้การเจรจาเป็นไปได้อย่างยากลำบากแม้ว่าผู้นำจะเป็นไบเดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อผู้นำเกาหลีใต้อย่างมุนแจอิน มีความพยายามที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับเกาหลีเหนือ และลดค่าใช้จ่ายที่ต้องมอบให้กับกองทัพสหรัฐฯ ลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: