ไม่พบผลการค้นหา
'สมศักดิ์' เผยกรณีแกนนำ 'ทะลุแก๊ส' กินยาเกินขนาด ยืนยันกรมราชทัณฑ์ดูแลเต็มที่ ชงเพิ่มการตรวจร่างกายผู้ต้องขังทุกวัน ไม่หวั่นหากมีคนเลียนแบบ ด้าน กรมราชทัณฑ์ เร่งตั้งกรรมการสอบเผยเหตุเบื้องต้นเกิดจากความเครียดห่วงครอบครัว และกังวลเรื่องคดี

วันที่ 28 มิ.ย. 2565 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีกลุ่มผู้ชุมนุมทะลุแก๊สที่อยู่ในเรือนจำ พยายามทานยาเพื่อฆ่าตัวตายว่า ในการทานยาพาราเซตามอลของผู้ต้องขังนั้นไม่ทราบว่าทายไปเท่าไหร่ ซึ่งผู้ต้องขังอาจจะไปขอจากผู้ต้องขังรายอื่นๆ ที่ได้กันคนละ 1-2 เม็ด 

เมื่อดูจากรายงานของอธิบดีกรมราชทัณฑ์ที่รายงานว่า แพทย์ และนักจิตวิทยาเข้าไปพูดคุยกับผู้ต้องขัง พบว่าตอนนี้ไม่มีอะไรและปลอดภัยดีแล้ว ความรู้สึกดีขึ้นเนื่องจากได้รับการตอบสนอง

สมศักดิ์ เผยว่า ปกติแพทย์จะมีการตรวจอาการผู้ต้องขังทุกวันจันทร์ และพฤหัสบดี แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นคงต้องตรวจถี่ขึ้นทุกวัน สรุปแล้วทางกรมราชทัณฑ์ก็ให้ความสนใจ และดูแลอย่างเต็มที่ ถ้าหากผู้ต้องขังได้รับการประกันตัวหรืออย่างไร คงต้องมีการตรวจสอบโดยตรงจากกรมราชทัณฑ์อีกที 

ผู้สื่อข่าวถามว่า หวั่นว่าจะมีคนเลียนแบบหรือไม่ สมศักดิ์ เผยว่า ต้องให้กรมราชทัณฑ์ดูกันไปแต่ยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์มีการดูแล และให้ความปลอดภัยกับผู้ต้องขังทุกคนที่มาอยู่ตรงนั้นอย่างเต็มที่


ตั้ง กก.สอบเหตุกินยาเกินขนาด-ทำร้ายตัวเอง

อายุตม์ สินธพพันธ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีผู้ต้องขังกลุ่มทะลุแก๊ส รับประทานยาพาราเซตามอลเกินขนาด รวมถึงการทำร้ายตัวเองด้วยของมีคมขณะถูกควบคุมตัวอยู่ภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่า ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงไปยังผู้บัญชาการเรือนจำฯ พบว่าผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าว จำนวน 3 ราย โดย 2 คน ได้ทำร้ายตัวเองด้วยการนำของมีคมกรีดข้อมือตนเอง ขณะที่อีกคนกินยาพาราเซตามอลเกินขนาด เป็นเหตุต้องนำส่งไปรักษาตัวยังทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา 

ทั้งนี้อาการเบื้องต้น ณ วันที่ 27 มิ.ย. 2565 ผู้ต้องโทษที่กินยาเกินขนาดมีอาการดีขึ้น รู้สึกตัวได้ดี พูดคุยรู้เรื่องช่วยเหลือตัวเองได้ ยังรับประทานอาหารได้มากขึ้น ไม่มีอาการปวดท้อง แต่ยังมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อย นอนหลับได้ ส่วนอาการเครียดดีขึ้นตามลำดับ อยู่ระหว่างการรักษาสังเกตอาการใกล้ชิด จากการสอบถามโดยนักจิตวิทยา แจ้งว่าสาเหตุจากการกระทำดังกล่าว เกิดจากความเครียดในเรื่องส่วนตัว เนื่องจากเป็นห่วงภรรยาที่ตั้งครรภ์ และเรื่องคดีความของตน แต่ก็จะพยายามปรับตัว ไม่คิดมากให้เกิดความเครียดอีก

ขณะที่ในส่วนอีก 2 คนที่ได้ทำร้ายตัวเองด้วยการนำของมีคมกรีดข้อมือตนเองนั้น พบว่ามีบาดแผล แต่ไม่รุนแรง พยาบาลประจำเรือนจำได้ทำการรักษาล้างแผลให้ทุกวัน โดยสาเหตุของการกระทำดังกล่าว แจ้งว่าเกิดจากความกังวลเรื่องทนายไม่มาติดต่อหรือพูดคุย แต่หลังจากได้เยี่ยมญาติและพบทนายแล้ว ทั้ง 2 ราย ก็รู้สึกเกิดความผ่อนคลายมากขึ้น 

อายุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว กรมราชทัณฑ์ มิได้นิ่งนอนใจแต่อย่างใดและได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการลักลอบนำยาพาราเซตามอลที่มีจำนวนมาก และการทำร้ายตัวเองด้วยของมีคมดังกล่าวแล้ว เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก ซึ่งกรมราชทัณฑ์ ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพจิตของผู้ต้องขังทุกราย และมีความเป็นห่วงอย่างยิ่ง เมื่อผู้ต้องขังเกิดความเครียดที่ต้องถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ โดยกำชับให้ทุกเรือนจำและทัณฑสถานทุกแห่ง มอบหมายนักจิตวิทยา เข้าดูแลพูดคุยกับผู้ต้องขังเพื่อให้ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และเท่าเทียมกัน เพื่อมิให้เกิดการทำร้ายตัวเองขึ้นอีก