ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ความขัดแย้งทางการเมืองทำให้ไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศไปมากมาย ทำให้คนรุ่นใหม่ออกมาแสดงจุดยืนว่าอนาคตการเมืองไทยควรขับเคลื่อนไปโดยคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่นในการทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติ เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งและปัญหาการเมืองเดิมๆ กลับมาฉุดรั้งอนาคตของคนรุ่นต่อไป
สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศประจำประเทศไทย หรือ FCCT ได้จัดเสวนา Move Over Dinosaurs (ก้าวข้ามไดโนเสาร์) พูดคุยกับนักการเมืองรุ่นใหม่ 4 คนจาก 4 พรรคการเมือง ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจจากพรรคอนาคตใหม่ นายวราวุธ ศิลปอาชาจากพรรคชาติพัฒนา ร้อยโทปรีชาพล พงษ์พานิชจากพรรคเพื่อไทย และนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ยุวประชาธิปัตย์ เพื่อฟังมุมมองต่อประชาธิปไตยและกองทัพ รวมถึงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการนำประเทศไทยกลับเข้าสู่วิถีทางประชาธิปไตย
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ : ผมจะเสนอคำมั่นสัญญาหนึ่งข้อคือ การฟื้นฟูประชาธิปไตย
การปฏิเสธนายกฯ คนนอกและประท้วงรัฐบาลทหารในปัจจุบันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เมื่อเรามีตัวแทนจากหลายพรรคการเมืองในการเสวนาครั้งนี้ ผมอยากเห็นการให้คำมั่นสัญญา ผมจะเรียกมันว่าคำมั่นสัญญาที่จะฟื้นฟูประชาธิปไตยให้กับประเทศนี้
ข้อแรก เราต้องเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งที่เสรีและบริสุทธิ์ยุติธรรมในเดือนกุมภาพันธ์ 2019
ข้อสอง หลังจากการเลือกตั้ง พรรคที่สนับสนุนประชาธิปไตยทั้งหมดต้องยืนยันว่าจะไม่เอานายกฯ คนนอก
ข้อสาม พรรคฝ่ายประชาธิปไตยร่วมกันเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่ร่างขึ้นโดยคณะกรรมการที่ประชาชนเลือกเข้ามา แล้วผ่านการลงประชามติแล้ว
ข้อสี่ พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยทั้งหมดเรียกร้องให้แก้ไขกฎหมายกองทัพ
ทำไมน่ะหรือ? ถ้าคุณดูการแบ่งแยกอำนาจของประชาชนสมัยใหม่ เรามีฝ่ายบริหาร ฝ่ายตุลาการ และฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายบริหารถูกควบคุมด้วยแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี รัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งมาไม่สามารถทำตามนโยบายที่พวกเขาต้องการได้ ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติ เราต้องได้ต่อสู้กันอย่างหนักและยาวนานให้วุฒิสมาชิกได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน เพราะก่อนปี 2540 ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง หลังใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 แล้ว ส.ว.จึงมาจากการเลือกตั้ง แต่ปัจจุบันเรากลับไปอยู่ที่เดิม ส่วนอำนาจตุลาการ ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผู้พิพากษาเลือกตั้งกันเอง รวมกลุ่มกันเอง และไม่ยึดโยงกับประชาชน
นั่นหมายความว่าการปกครองของ คสช.จะยังคงอยู่กับเราต่อไป แม้นายกรัฐมนตรีจะลงจากตำแหน่งแล้ว จึงเป็นเหตุว่าทำไมผมเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พรรคอนาคตใหม่พรรคเดียวไม่สามารถทำได้โดยลำพัง พรรคเพื่อไทยเคยพยายามมาแล้วเมื่อหลายปีก่อน แต่เราต้องใช้พลังของพวกเราทั้งหมดในการผลักดันเรื่องนี้ร่วมกัน
สำหรับผม นี่ไม่ใช่การทำเพื่อพรรคของผม แต่เพื่ออนาคตของประเทศเรา เราต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและให้มั่นใจว่า ต่อจากนี้อำนาจของกองทัพจะลดลง ดังนั้น หลังจากนี้ เมื่อเราทำกิจกรรมทางการเมืองได้แล้ว ผมจะเสนอคำมั่นสัญญานี้กับทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะ ฝ่ายที่สนับสนุนประชาธิปไตย 1 คำมั่นสัญญา 4 แนวทาง 1 เป้าหมาย เพื่อฟื้นฟูให้ประชาธิปไตยกลับมาในประเทศไทย
วราวุธ ศิลปอาชา: การเมืองไทยเหมือนละคร
บางคนอาจพูดว่าผมเป็นหน้าใหม่ทางการเมือง ที่จริงแล้ว ผมเกี่ยวข้องกับการเมืองมาตั้งแต่เกิด ผมเกิดในปี 2516 พ่อผมลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2519 ผมไปแจกใบปลิวตอนอายุ 3 ขวบ แต่นี่ไม่ใช่การใช้แรงงานเด็กหรืออะไร
ในอดีตมีหลายอย่างเกิดขึ้นในการเมืองไทย อย่างที่คุณธนาธรพูดถึงการรัฐประหารและความผิดพลาดของนักการเมืองรุ่นก่อน ผมไม่เถียงว่านักการเมืองถูกวาดภาพไว้ไม่ดีนักในปัจจุบัน จุดที่เราอยู่กันในวันนี้เป็นผลของการกระทำหุนหันพลันแล่น ทหารออกมาจากค่ายและมายึดอำนาจ จนทำให้เรามาถึงวันนี้ เราจะเยียวยามันอย่างไรให้มั่นใจว่าปัญหาเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เราจะมองการเมืองไทยอย่างไรหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า แม้จะยังไม่รู้ว่าจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ก็ตาม
ยกตัวอย่าง ในอดีต ข้ออ้างหรือเหตุผลคลาสสิกที่กองทัพจะใช้ในการรัฐประหารก็คือมีความไม่สงบในประเทศ นักการเมืองคอรัปชั่น เป็นต้น ดังนั้น พวกเขาจึงต้องมายึดอำนาจคืน และในอนาคต เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีกเราต้องไม่ทำให้สถานการณ์การเมืองในสนามไม่นำไปสู่เหตุการณ์วุ่นวายอีก
ต่อจากนี้ เราต้องทำให้สถานการณ์ดีขึ้นและปรับปรุงคุณภาพนักการเมืองไทย หากคุณมีตะกร้ากล้วย คุณเลือกตัวแทนจากตะกร้ากล้วย คุณก็จะได้กล้วย คุณมีประเทศที่ประชากรร้อยละ 80 – 90 เป็นชาวนาชาวไร่ บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ บางคนมีแนวคิดเกี่ยวกับประชาธิปไตยที่แตกต่างออกไป หากคุณมีประชากรทั้งหมดเป็นเกษตรกร คุณจะไม่ได้ผู้แทนที่จบปริญญาเอกมาจากประชากรที่มี
ประชาชนพูดว่าทำไมนักการเมืองจึงทำตัวไม่ดีแบบสุดโต่ง แต่ประชาชนก็ชอบนักการเมืองเหล่านี้ เพราะนักการเมืองเหล่านี้เป็นตัวแทนของประชาชนจริงๆ นักการเมืองเหล่านี้รู้วิถีชีวิตของประชาชนและตอบสนองความต้องการของพวกเขา ในอนาคต หากจะยกระดับนักการเมือง ผมเชื่อว่าการศึกษาต้องเป็นกุญแจสำคัญ
หลังการเลือกตั้ง ผมแนะนำอย่างยิ่งให้เราปรับปรุงการศึกษาของเรา เลิกไปโรงเรียนตั้งแต่แปดโมงถึงห้าโมงเย็นและก็ไปเรียนพิเศษต่อ เรามาเริ่มจากเด็กๆ ในโรงเรียนก่อน
ขอบคุณคุณธนาธรที่ทำให้สปอตไลท์ฉายมาที่ผม เมื่อหลายปีก่อน มีคนสงสัยว่าผมจะมาเป็นหัวหน้าพรรค แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับพรรค แต่หนึ่งสิ่งที่ผมทำให้คุณมั่นใจได้ก็คือ การเลือดตั้งครั้งหน้า คุณจะเห็นคนหน้าใหม่เข้ามาเป็นคณะบริหารพรรคชาติพัฒนา อย่างไรก็ตาม คนรุ่นปัจจุบัน สมาชิกระดันสูงก็จะยังอยู่เหมือนกับสมาชิกบอร์ดในบริษัทใหญ่ๆ นอกจากนั้นจะเป็นคนหน้าใหม่ หลังจากคุณธนาธรเปิดตัวออกมาและได้รับความสนใจสูง ก็มีส่วนให้ผมถูกชักชวนมา
การเมืองไทยเหมือนกับละครดัง ใครที่เคยอยู่อังกฤษหรืออสเตรเลียอาจจะรู้ตักละครเรื่อง “โฮม แอนด์ อเวย์”มันละครมันก็ดำเนินไปเรื่อยๆ บางที่คนดีก็กลายมาเป็ฯตัวร้าย ตัวร้ายกลายมาเป็นคนดี และอย่างที่คุณรู้ ในอดีตทหารถูกมองว่าเป็นวีรบุรุษ แต่ตอนนี้คนมีความเห็นหลากหลายเกี่ยวกับทหาร ตอนนี้คนดีกลายเป็นตัวร้าย ตัวร้ายกลายเป็นดี แต่หนึ่งสิ่งที่ผมเชื่ออย่างมากก็คืออำนาจของประชาชน เจตจำนงของประชาชน เรากำลังตกหลุมตกหล่ม แต่เราจะผ่านมันไปได้ ประชาธิปไตยในประเทศนี้จะชนะอีกครั้ง
ปรีชาพล พงษ์พานิช: ทุกคนจะต้องเท่าเทียมกันตามกฎหมาย
การเมืองไทยต้องการคนรุ่นใหม่ที่รักชาติ ไม่ใช่คลั่งชาติ เราต้องให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของประเทศชาติเหนือการเมือง เราต้องการนักการเมืองที่คิดถึงคนรุ่นใหม่อยู่เสมอ มากกว่านักการเมืองที่คิดถึงแต่เรื่องการเลือกตั้งครั้งต่อไป
เราสามารถคิดต่างได้ แต่เราต้องเคารพความแตกต่างของกันและกัน เหมือนในอดีต ตอนที่รุ่นพ่อและลุงของเราอยู่ในหน้าที่ ก็อภิปรายไม่ไว้วางใจกันในรัฐสภา พวกเขาดูจะค้านกันตลอด แต่เมื่อไม่อยู่ในหน้าที่ พวกเขายังเป็นเพื่อนกันได้ น่าเศร้าที่ปัจจุบันนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว เรา ในฐานะคนรุ่นใหม่ ต้องสร้างวัฒนธรรมใหม่ด้วยการเคารพกฎเกณฑ์
ในขณะเดียวกัน ประเทศไทยกำลังต้องการการปฏิรูปกระบวนการทางกฎหมายและหลักนิติธรรมกันอย่างจริงจัง พวกเราทั้งหมดต้องหยุดการล่าแม่มดคนที่คิดต่างจากเรา ทุกคนต้องเท่าเทียมกันตามกฎหมาย และกฎหมายจะต้องไม่ถูกนำมาใช้แบบสองมาตรฐาน คนไทยทั้งหมดต้องได้รับการคุ้มครองอย่างเท่าเทียมจากกฎหมายเดียวกัน เพราะกฎหมายและทรัพยากรต่างๆ มีไว้เพื่อประโยชน์ของประชาชน และรัฐไม่ได้มีไว้เพื่อปกป้องรัฐบาลทหาร เหมือนที่ชาร์ลส เดอ มองเตสกิเออ นักปรัชญาการเมืองชาวฝรั่งเศสเคยพูดไว้ว่า ไม่มีความเลวร้ายใดจะยิ่งไปกว่า ความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย หรือในนามของกระบวนการยุติธรรม
พริษฐ์ วัชรสินธุ์: ประชาธิปัตย์รุ่นใหม่ยึดหลักการประชาธิปไตยเหมือนชื่อ
การตัดสินใจเข้าร่วมพรรคประชาธิปัตย์ของผมไม่ได้เกิดขึ้นแบบอัตโนมัติ โดยเฉพาะช่วงหลายปีที่ผ่านมาที่มีการต่อต้านปัญหาอย่างการคอร์รัปชัน ผมเป็นฝ่ายประชาธิปไตยมาตลอด เพราะผมเชื่อในระบอบประชาธิปไตย ผมไม่เคยเชื่อวิธีการที่กองทัพเข้ามายึดอำนาจการกระทำหลายอย่างของพรรคประชาธิปัตย์เก่ามักถูกตีความและมักถูกตั้งคำถามว่าพรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนหลักการของประชาธิปไตยตามจุดประสงค์ของการตั้งพรรคหรือไม่ นี่เป็นเหตุผลที่หากคุณถามผมเมื่อ 2 เดือนก่อนว่าผมเป็นตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ ผมอาจไม่ตอบรับคำเชิญนั้น เหตุผลที่ผมสามารถรับได้ในตอนนี้และเต็มใจที่จะได้รับคำเชิญจากพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคต เพราะผมต้องการเปลี่ยนแปลงพรรคประชาธิปัตย์ ผมต้องการนำพรรคกลับมาอยู่ในหลักการดั้งเดิมที่พรรคถูกตั้งขึ้นมา
ในเรื่องอุดมการณ์ ผมจะยืนหยัดในสิ่งที่ผมเชื่อนั่นก็คือหลักการเสรีประชาธิปไตย ผมไม่เชื่อว่าช่วง 10 – 15 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ไปถึงจุดที่เป็นเสรีประชาธิปไตย นี่เป็นเพราะมีการเรียกชื่อผิดหรือมีความเชื่อที่ผมไม่เห็นด้วย 2 ประการ ประการแรก ความเชื่อว่าประชาธิปไตยมีค่าเพราะผลลัพธ์ที่เกิดจากระบอบประชาธิปไตย มันทำให้คุณคิดว่าบางครั้งคุณและคนบางกลุ่มรู้มากกว่าประชาชน ทำให้คุณเชื่อว่าความเห็นของบางคนมีค่ามากกว่าคนอื่น และนำไปสู่การรัฐประหาร ประการที่สองเกี่ยวกับการเลือกตั้งและการเคารพเสียงข้างมาก บางคนคิดว่านี่คือค่านิยมประชาธิปไตย เพราะมันเป็นขั้นตอนในระบอบประชาธิปไตย เช่น ใน 100 คน 60 คนนับถือศาสนาหนึ่ง อีก 40 คนนับถือศาสนาอื่น แล้ว 60 คนแรกลงมติไม่ให้อีก 40 คนนับถือศาสนาของตัวเอง หรือไม่ให้อยู่ในประเทศ มันจะเป็นสังคมประชาธิปไตยหรือ ผมไม่คิดว่านั่นคือคำตอบ
ประชาธิปไตยมีค่าด้วยค่านิยมสำคัญ 2 อย่าง คือ ความเท่าเทียม ที่เชื่อว่าทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมที่จะบอกว่าประเทศควรไปทางไหน และทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอย่างเท่าเทียม และคุณค่าของเสรีภาพ ที่เชื่อว่าทุกคนมีเสรีภาพในการใช้ชีวิตในกฎหมายที่พวกเขามีส่วนร่วมในการร่างขึ้นมา นี่เป็นเหตุผลที่ผมเชื่อว่าคนไทยไม่เคยไปถึงจุดที่เรียกว่าเสรีประชาธิปไตยเลย นี่เป็นสิ่งที่ผมกำลังผลักดันไปสู่พรรคประชาธิปัตย์ใหม่และประเทศไทย
พรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนวิธีการบริหารพรรคตัวเองด้วย ในความเห็นของผม หากคุณอยากอ้างว่าคุณต้องการนำประเทศไปตามวิถีประชาธิปไตย พรรคนั้นจะต้องมีประชาธิปไตยภายในพรรคก่อน ผมคิดว่ามันเป็นข้อดีข้อหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถบอกได้ว่าใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้บริจาคหลักของพรรค แต่ข้อด้อยในความเห็นผมก็คือพรรคประชาธิปัตย์มักถูกเรียกว่า NATO มาจาก No Action Talk Only (แปลว่า ดีแต่พูด ไม่ทำ) และผมคิดว่าสิ่งสำคัญตอนนี้ก็คือพรรคจะต้องทำตัวเองให้เป็นประชาธิปไตย แต่ต้องมีอำนาจที่จะตัดสินใจอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในโลกที่เราอยู่ในปัจจุบัน
ตอนนี้ พรรคประชาธิปัตย์ใหม่อนุญาตให้สมาชิกลงมติเลือกหัวหน้าพรรค ซึ่งหมายความว่าความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคจะสูงขึ้น เพราะสมาชิกแต่ละคนมีสิทธิมีเสียงมากขึ้นว่าพรรคจะไปทางไหน แต่ก็ยังเปิดให้หัวหน้าพรรคสามารถตัดสินใจอะไรได้มากขึ้น เพราะได้รับมอบอำนาจมาจากสมาชิกพรรคแล้ว
