ไม่พบผลการค้นหา
ครอบครัววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ออกแถลงการณ์หลังน้องชายถูกอุ้มหาย ที่พนมเปญ เป็นเวลากว่า 65 ชั่วโมง โดยไม่ทราบชะตากรรม

‘สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์’ พี่สาวของวันเฉลิม ได้ออกแถลงการณ์ในนามครอบครัวถึงองค์กรสื่อต่างๆ โดยมีรายละเอียดดังนี้ "ในนามของครอบครัววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ เรามีความรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่วันเฉลิม หรือต้าร์ ได้ถูกลักพาตัวโดยการถูกบังคับให้สูญหาย (Enforced Disappearance) ในประเทศกัมพูชาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน 2563 เวลา 17.00 น. โดยประมาณ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างอุกอาจท่ามกลางประชาชนจํานวนมาก บริเวณหน้าที่พักของวันเฉลิม จนถึงนาทีนี้เป็นเวลากว่า 65 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีใครทราบชะตากรรมที่กําลังเกิดขึ้นกับเขา

วันเฉลิมเป็นที่รักของคนในครอบครัวอย่างยิ่ง เขาเป็นคนโอบอ้อมอารี เคารพบิดามารดาและญาติพี่น้อง เป็นคนเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว ฉลาดหลักแหลม เห็นอกเห็นใจ และมักจะทําให้ทุกคนที่เข้าใกล้หัวเราะ มีความสุขอยู่เสมอ เพราะเป็นคนมองโลกในแง่ดี

นอกจากนี้เขายังเป็นที่รักของเพื่อนฝูงทุกคน เพราะเขาทํากิจกรรมช่วยเหลือสังคมมาโดยตลอด อาชญากรรมสะเทือนขวัญและร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับเขาในครั้งนี้ พวกเราไม่เคยคิดโกรธแค้นใดๆ ต่อผู้ที่กระทําการทั้งสิ้น เรายังหวังลึกๆ และภาวนาว่าทางผู้กระทําการจะปล่อยตัวเขาออกมาในไม่ช้า

ดิฉันจึงขอวิงวอนมา ณ ที่น้ี ให้ผู้ที่ก่อเหตุได้โปรดปล่อยตัววันเฉลิมกลับคืนมาเถิด พวกเราจะตั้งตารอคอยอย่างไม่คิดที่จะสิ้นหวัง ขอเพียงเขากลับมาได้อย่างปลอดภัย พวกเราหวังว่าการอุ้มหายหรือการถูกบังคับให้สูญหายในครั้งนี้จะเป็นกรณีสุดท้ายที่เกิดขึ้น

เราขอเรียกร้องให้องค์กรภาครัฐของไทยและองค์กรนานาชาติใดๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดําเนินการสืบสวนหาข้อเท็จจริงอย่างเร่งด่วน เพื่อทําให้ความจริงปรากฏ เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง และทําให้สังคมไทยตกอยู่ในความหวาดกลัว หวาดระแวง สิ้นหวัง เนื่องจากเหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวที่เรารักก็ได้

วันเฉลิมจําต้องลี้ภัยทางการเมืองอย่างไม่เป็นทางการไปสู่ประเทศกัมพูชาและประเทศอื่นๆ เป็นระยะเวลามากกว่า 6 ปี จะเห็นได้ว่านายวันเฉลิมเป็นผู้รักความยุติธรรม ความถูกต้อง หลักการประชาธิปไตย และยืนขึ้นเพื่อต่อสู้ต่อความอยุติธรรมใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้นเสมอ เพียงแต่การยืนขึ้นครั้งนี้เขาได้ใช้ชีวิตของเขาเป็นเดิมพันและเป็นเหตุให้ถูกพรากไป

วันเฉลิมเป็นนักพูดตัวยง อีกทั้งยังเป็นนักกิจกรรม เขาจึงมีความชื่นชมเป็นพิเศษต่อวิสัยทัศน์ของอดีตผู้นําที่มีวิสัยทัศน์หลายๆ ท่าน ไม่เฉพาะเจาะจง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่จะชื่นชอบใครหรือไม่ชื่นชอบใคร เพราะเขาเชื่อว่าแม้จะมีความคิดเห็นที่แตกต่างหรือจุดยืนที่ไม่ตรงกัน แต่เรายังอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขและรักใคร่ ปรองดองกันได้

ในนามของครอบครัว พวกเราขอฝากคําขอบคุณไปให้แก่ทุกท่านที่ร่วมกันแสดงความรู้สึกและต้องการเรียกร้องให้วันเฉลิมกลับมาอย่างปลอดภัย ทั้งนี้พวกเราก็ขอส่งต่อกําลังใจแก่ผู้ที่กําลังต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนทั่วโลกเช่นกัน เพราะเราเข้าใจ เรารู้สึกดีว่าการสูญเสียคนที่เรารัก คนที่เราใกล้ชิดเป็นอย่างไร

ครอบครัวของเรายังหวังและปรารถนาให้วันเฉลิมยังคงปลอดภัยและกลับมาโดยสวัสดิภาพ

ทั้งนี้ ก่อนวันเฉลิมจะลี้ภัยไปกัมพูชา เขาเคยทำงานให้องค์กรพัฒนาเอกชนในประเด็นด้าน HIV และความหลากหลายทางเพศ รวมถึงเคลื่อนไหวในกิจกรรมทางการเมืองไทยอยู่นานหลายปี แต่หลัการรัฐประหาร 2557 เขาถูกเรียกโดยคำสั่ง คสช. ที่ 44/2557 ออกเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2557ให้ไปรายงานตัวที่สโมสรทหารบกในวันที่ 3 มิ.ย. 2557

วันเฉลิมไม่ได้เข้ารายงานตัวตามคำสั่ง คสช. ทำให้ พ.ท.บุรินทร์ ทองประไพ (ยศในขณะนั้น) รับมอบอำนาจจาก คสช. ไปขอศาลทหารในการออกหมายจับบุคคลผู้ฝ่าฝืนคำสั่งเรียกรายงานตัวของ คสช. ซึ่งรวมถึงวันเฉลิม และศาลทหารจะอนุมัติการออกหมายจับ

ช่วงเดือน มิ.ย. 2558 สำนักข่าวอิศราเคยนำเสนอข้อมูลจากเอกสารของหน่วยงานความมั่นคงจากการติดตามผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 มีชื่อวันเฉลิมเป็น 1 ใน 14 ผู้ต้องหาที่หลบหนีอยู่ใน สปป.ลาว แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าวันเฉลิมได้ถูกออกหมายจับในคดีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือไม่

จนกระทั่ง 4 มิ.ย.2563 เขาก็ถูกกลุ่มชายพร้อมอาวุธปืน บังคับนำตัวไปจากหน้าที่พักในกรุงพนมเปญและยังติดต่อไม่ได้จนถึงขณะนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: