แม้จะเดินหน้าเข้าสู่ปีใหม่ 2563 มาแล้ว แต่สถานการณ์เงินบาทยังคงไม่มีท่าทีว่าจะปรับตัวอ่อนลง ล่าสุด 'บรรยง พงษ์พานิช' ประธานกรรมการ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน) และอดีตคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) โพสต์ข้อความบนเฟสบุ๊กส่วนตัวบัญชีชื่อ Banyong Pongpanich ในช่วงสายวันที่ 3 ม.ค. ที่ผ่านมา มีใจความระบุว่า
"ค่าเงินบาท…
ตอนนี้ผมพยายามช่วยชาติอย่างเต็มที่ โดยโอนทรัพย์สินทางการเงินไปลงทุนนอกประเทศกว่า70%
ปีที่แล้วผลตอบแทนต่างประเทศดีมาก ได้สูงถึง9% ใน $ term ...แต่พอตีกลับมาเป็นบาท ขาดทุนค่าเงินไป 7.5% เหลือผลตอบแทนแค่ 1.5% พอๆกับที่ลงทุนในประเทศแป้กๆอย่างเรา(อย่างนี้เรียกว่า parity theoryมันworkรึเปล่าครับ) …แต่ไม่เป็นไรครับ จะพยายามบริโภคแต่ของนอก ไปเที่ยวต่างประเทศเยอะๆ จะได้ถ่วงดุลค่าเงิน แถมได้ช่วยชาติอีก นี่ก็เพิ่งช็อปรถนำเข้าทั้งคันไปคันนึง แถมไปเที่ยวแก้เกินดุลที่เวียตนามหกร้อยล้านดอง
ภูมิใจจัง ช่วยชาติตั้งแต่ต้นปี นี่วันนี้ก็ว่าจะไปช็อปรองเท้าAsicจากญี่ปุ่น ไปสรวมวิ่งไล่ลุง (อันนี้ช่วยชาติสองเด้งเลย)"
โดยนายบรรยงได้โอนทรัพย์สินทางการเงินไปลงทุนนอกประเทศกว่าร้อยละ 70 แต่ไม่ได้ระบุว่าทรัพย์สินเหล่านั้นโอนไปในนามของบริษัทที่ตนนั่งเป็นประธาน หรือทรัพย์สินส่วนตัว
พร้อมอธิบายเพิ่มว่า ผลตอบแทนจากการนำทรัพย์สินออกไปลงทุนในต่างประเทศของปี 2562 ได้กำไรสูงถึงร้อยละ 9 ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม เมื่อแปลงกำไรกลับมาเป็นรูปเงินบาท กลับขาดทุนเรื่องค่าเงินไปถึงร้อยละ 7.5 เนื่องจากสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าตลอดทั้งปี 2562 จึงทำให้ผลกำไรสุทธิเมื่อแปลงค่าเงินแล้วเหลือเพียงร้อยละ 1.5 เท่านั้น
บรรยง ชี้ว่า แม้การลงทุนของตนจะขาดทุนได้ แต่ก็จะทำต่อไป อีกทั้งยังพูดถึงการบริโภคสินค้าต่างประเทศเพื่อให้เกิดกระแสเงินไหลออก ด้วยการซื้อรถยนต์นำเข้า และไปเที่ยวเวียดนามโดยใช้เงินไปประมาณ 600 ล้านดอง หรือประมาณ 780,000 บาท ทั้งยังปิดท้ายว่า ล่าสุด ตัวเองได้ไปซื้อรองเท้าวิ่งแบรนด์หนึ่งจากญี่ปุ่นเพื่อมาสวมใส่ไปวิ่งในงาน 'วิ่งไล่ลุง' ด้วย
วิธีช่วยให้เงินบาทอ่อน
ตามคำอธิบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ว่า ปัจจัยส่วนหนึ่งที่ทำให้เงินบาทแข็งค่ามาจากการความไม่สมดุลของเงินทุนเคลื่อนย้าย ซึ่งสถานการณ์ปัจจุบันมีผู้ถือเงินในรูปสกุลเงินบาทเป็นจำนวนมาก ทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น โดยหากมีเงินทุนไหลออก หรือคนถือเงินบาทให้น้อยลง ก็จะช่วยลดแรงกดดันและผ่อนให้ค่าเงินอ่อนลงได้
อีกทั้งในรายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนพฤศจิกายน 2562 ของ ธปท. ชี้ว่า 11 เดือนแรกของปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.2562) ที่ผ่านมา คนไทยออกไปลงทุนต่างประเทศ ในส่วนของการลงทุนโดยตรง (TDI) กว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 422,000 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนการลงทุนผ่านสินทรัพย์ (porfolio) อยู่ที่กว่า 6,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 196,000 ล้านบาท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :