สืบเนื่องจากกรณีที่สิริพัชระ จึงธีรพานิช หรือ หมี่จัง ผู้สมัคร ส.ส.สระบุรี เขต 3 พรรคเพื่อไทย ถูกขุดโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดีย ก่อนสมัคร ส.ส. ในลักษณะที่ไม่เหมาะสมหลายกรณี จนมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 เม.ย.2566 สิริพัชระออกมาชี้แจงผ่านไลฟ์สดในเฟซบุ๊กส่วนตัว มีใจความสรุป ว่าโลกออนไลน์ได้รับรู้บางส่วนเท่านั้น ที่ผ่านมาเคยเป็นนักกิจกรรมเคลื่อนไหว ทางการเมือง เคยต่อสู้ ในสนามทางการเมืองมาก่อน ทำให้มีทั้งมิตร สหาย ศัตรู มากมาย ที่เห็นต่างและเห็นด้วย เป็นเรื่องปกติที่จะมีการด่าทอ ว่าร้ายหรือไม่เห็นด้วย
ที่ผ่านมาได้โพสต์การต่อต้านสิ่งที่เป็นระบบการเอารัดเอาเปรียบ ของทุนนิยม ซึ่งไม่เคยบอกว่าทุนนิยมไม่ดี เพียงแค่ว่าทุนนิยมมีกลไกล อย่างไร บางครั้งก็บีบรัดเอาเปรียบ พวกเรามากเกินไป จึงมีการโจมตี มีการโพสต์ของกลุ่มผู้ชายกลุ่มหนึ่งที่เรียกว่ากลุ่มเบียว เป็นศัพท์ที่มาจากญี่ปุ่น น่าจะหมายถึงกลุ่มผู้ชายที่เหยียดเพศ ชอบแชร์รูปโป๊มาเหยียด และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะมาแล้วเนื่องจากตนเป็นกลุ่มเฟมินิสต์ กรณีที่เกิดขึ้นที่ทุกคนเห็นว่าเป็นการดูถูกคนจนนั้น ไม่ใช่การดูถูกคนจนโดยทั่วไป ทั้งหมดไม่ใช่เลยสักนิด แต่เป็นการแคปข้อความออกมาบางส่วน เพื่อโจมตีและใส่ร้าย แต่ถ้าวันนี้กลุ่มเบียวที่ตนได้ต่อว่าไปว่าเป็นผู้ชายที่ไม่ดีและยังจนอีก จะไม่พอใจตรงนี้ ตนเข้าใจ รับทราบประเด็นตรงนี้ดี และยินดีจะขอโทษกลุ่มเบียวด้วยตัวเอง
แต่ก่อนอื่นต้องชี้แจงทั้งหมดว่าเกิดมาได้อย่างไร ที่ผ่านมาทำเรื่องคนจนมาตลอด สมัชชาคนจนก็ไปร่วม มีเพื่อนทุกกลุ่ม มีเพื่อนที่มีเงิน เพื่อนที่ไม่มีเงิน มีเพื่อนหลากหลายกลุ่ม เพื่อนเข้าใจสิ่งที่โพสต์ไปคราวนั้นว่าไม่มีคนดีๆ จะโพสต์ยกเว้นการประชด ว่ากลุ่มผู้ชายเบียว ที่ผ่านมาเคยคบหากับผู้ชาย เคยถูกทำร้ายร่างกาย แต่ไม่เคยออกมาพูดเพราะเขาทำงานด้านการเมือง
หากพูดไปจะเป็นประเด็น ทั้งนี้รู้สึกกลัวผู้ชายกลุ่มนี้ ที่ผ่านมากลุ่มผู้ชายในกลุ่มเบียวเป็น 100 คน ขอแอดเป็นเพื่อนตนในเฟซบุ๊กแต่ไม่ได้รับเป็นเพื่อน จากนั้นจึงส่งข้อความเข้ามาแทน ในลักณะอนาจาร จึงทำให้ตนต้องส่งข้อความตอบโต้ประชดไป มีการแคปข้อความออกไปในส่วนที่บ่นกับเพื่อนออกไปสู่สาธารณซึ่งเป็นความจริงเพียงด้านเดียว
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องเดิม ตนยังไม่ได้ดูรายละเอียด จึงไม่อยากไปคอมเมนต์อะไร แต่การที่เราเลือกเขามา เราเชื่อมั่นในตัวเขา ความมุ่งในการที่จะทำงานเราก็เห็นศักยภาพในตัวเขา
ส่วนพฤติกรรมต่างๆ หากเขามาเป็นผู้ที่ทำงานแล้ว เขาก็สามารถปรับได้ หากเขามาเป็นผู้แทน เขาก็ต้องคำนึงถึงการเป็นผู้แทนของประชาชน เขาไม่สามารถแสดงอะไรที่จะกระทบกับภาพใหญ่ของผู้แทนได้ ซึ่งแน่นอนว่า เราจะต้องมีการกำชับถึงความระมัดระวังในเรื่องการสื่อสารกับประชาชนและโพสต์อะไรต่างๆ ของผู้สมัครมากขึ้น ทั้งนี้ ไม่มีผลต่อการแลนด์สไลด์อะไรของเรา