ไม่พบผลการค้นหา
ศาลอุทธรณ์พิพากษา ประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านก่อเหตุข่มขืนฆ่าน้องสโนว์ ญาติลั่นฟ้ามีตาผู้บริสุทธิ์ไม่ตายฟรี ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม

ที่ห้องพิจารณาบัลลังค์ 6 ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์คดีข่มขืนฆ่า คดีหมายเลขดำที่ อ. 2112/2559 และ คดีหมายเลขแดงที่ อ.1381/2560 ที่โจทก์ พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ นางลำไย พลประสิทธ์ โจทก์ ร่วมที่ 1 ยื่นฟ้อง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อดีตผู้ใหญ่บ้านสีถาน ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ข้อหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย

เหตุเกิดเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2558 หลังจากที่ “น้องสโนว์” ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียนตามปกติ ช่วงเย็น เวลากลับบ้านถึงที่เกิดเหตุถูกคนร้ายขี่จักรยานยนต์ประกบและใช้เท้าถีบ แล้วพยายามจะข่มขืนแต่ เหยื่อขัดขืนและกัด พร้อมกับบีบลูกอัณฑะ จนสามารถหลีกหนีการข่มขืนได้ แต่เนื่องจากถูกทำร้ายมีอาการสาหัสจึงเสียชีวิต และที่ผ่านมาศาลชั้นต้นจังหวัดกาฬสินธุ์ตัดสินประหารชีวิตนายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท แต่จำเลยได้ใช้สิทธิ์ในการยื่นอุทธรณ์ปฏิเสธ

บรรยากาศตั้งแต่ในช่วงเช้า นายกฤษณ์ - นางลำใย พลประสิทธิ์ พ่อและแม่ น้องสโนว์ พร้อมครอบครัว และเพื่อนบ้านได้เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 08.45 น. โดยได้กอดภาพถ่ายของ “น้องสโนว์” แนบตัวตลอดเวลา ท่ามกลางความสลดใจของประชาชนที่มาติดต่อราชการที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีสื่อมวลชนร่วมติดตามคดีจำนวนมาก จนเมื่อเวลา 10.00 น. พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ และ นายลำใย พลประสิทธิ์ โจกท์ ร่วมที่ 1 ได้เข้าไปนั่งรอรับฟังการพิจารณาคดี แต่เนื่องจากคดีนี้ นายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย ถูกนำตัวฝากขังที่เรือนจำคลองไผ่ จึงไม่ได้นำตัวมาแต่ได้ฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปแล้ว

ทั้งนี้ การอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 10.45 น. โดยศาลได้ใช้เวลาในการอ่านนานกว่า 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยสาระสำคัญในส่วนจำเลย ซึ่งได้ยื่นอุทธรณ์มานั้น มีการนำสืบพยานแวดล้อมและประจักษ์พยาน รวมถึงการหาข้อโต้แย้งในส่วนหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยโดยสรุปว่าไม่สามารถรับฟังได้ แต่ในส่วนของโจทก์ ถึงแม้จะไม่มีประจักษ์พยานแน่ชัดแต่ปรากฏพยานแวดล้อมที่ให้การสอดคล้องกันร่วมถึงหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะรอยแผลที่บริเวณนิ้วมือ ซึ่งเป็นฟันของมนุษย์ และลูกอัณฑะ เป็นร่องรอยที่เกิดขึ้นจากการต่อสู้ ที่ได้รับคำยืนยันจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืนโทษประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ จำเลย และให้ชดใช้ค่าสินไหม ตามศาลชั้นต้น

ภายหลังคำตัดสิน นางลำใย พลประสิทธิ์ แม่น้องสโนว์ และญาติต่างพากันร้องไห้ด้วยความดีใจ พร้อมกล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ตำรวจ และสื่อมวลชน ที่ติดตามคดีนี้และคนไทยทั่วประเทศที่รู้เรื่องราวของครอบครัวต่อการสูญเสียบุตรสาวอย่างไม่มีวันกลับ

นางลำใย กล่าวว่า ภายหลังทราบคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ภาค 4 รู้สึกหายเหนื่อยขึ้นมามาก เพราะตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี 7 เดือน หรือกว่า 935 วัน หลังเกิดเหตุที่ต้องสู้มาถึงวันนี้เพื่อลูกสาว ซึ่งต้องขอขอบคุณกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ สื่อมวลชน และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน ตลอดจนญาติๆและประชาชนชาวไทยทุกคนที่คอยให้กำลังใจเสมอมา แม้หลังเกิดเหตุตนและครอบครัวทุกคนยังจดจำและภาพยังคงติดตามาจนถึงทุกวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อขับรถไปขายของผ่านจุดเกิดเหตุบริเวณริมถนนทางเข้าหมู่บ้าน ซึ่งจำเป็นต้องผ่านทุกวันเห็นทีไรก็ต้องปวดใจทุกครั้ง ปัจจุบันหากคิดถึงลูกทำได้เพียงดูรูปภาพที่ติดไว้ข้างผนังบ้านและเข้าไปดูภาพเก่าๆในเฟสบุ๊คของลูกสาว พร้อมกับเล่นเฟสบุ๊คแทนลูกสาวคอยโต้ตอบญาติ เพื่อนและประชาชนทั่วไปที่ติดตามข่าวและคอยให้กำลังใจน้องสโนว์

นางลำใย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวถือเป็นเคราะห์ร้ายและความโชคร้ายของครอบครัวพลประสิทธิ์ เพราะนอกจากจะสูญเสียน้องสโนว์ไปโดยไม่มีวันหวนกลับแล้ว ยังต้องสูญเสียเงินทองที่เก็บสะสมมาตลอดทั้งชีวิต เพราะต้องนำมาใช้จ่ายตั้งแต่งานศพและในเรื่องของคดีจนหมด จำเป็นต้องนำที่นาไปขายและที่ทำกินไปจำนองกู้เงินจาก ธกส.ไปแล้วเกือบ 1 ล้านบาท มาเป็นค่าใช้จ่ายและนำมาเป็นทุนในการขายของ เนื่องจากช่วงเกิดเหตุครอบครัวยุ่งอยู่กับคดีไม่มีเวลาขายของทำให้ไม่มีรายได้มาจุลเจือครอบครัว

“ทุกๆ วันเวลาคิดถึงลูกก็จะเอาภาพเก่าๆมาดู บางคืนก็สะดุ้งตื่นมานั่งร้องไห้ เพราะคิดถึง ฝันเห็น ตลอด ซึ่งหากลูกสาวไม่เสียชีวิตขณะนี้ก็น่าจะกำลังเรียนพยาบาลตามความฝันที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน แต่ก็ได้บอกกับตัวเองเพียงว่าลูกสาวไปสู่สุขคติแล้ว แม่ก็ได้ไว้ทุกข์นุ่งขาว ห่มขาวตลอดชีวิต และทางครอบครัวจะสู้ถึงที่สุด เพื่อให้ผู้ที่ทำผิดรับโทษทางกฎหมายอย่างสูงสุด โดยเฉพาะโทษประหารชีวิต เพราะจะได้เป็นบทเรียนและไม่อยากให้เรื่องแบบนี่เกิดขึ้นอีกในสังคมไทย” นางลำไย กล่าว

ด้าน น.ส.ภัทรานิฐ พลประสิทธิ์ 31 ปี พี่สาวน้องสโนว์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกภาคส่วน และขอบคุณสื่อมวลชนที่ให้กำลังใจครอบครัวพลประสิทธิ์และที่สำคัญขอบคุณกระบวนการยุติธรรมที่ทำให้ความยุติธรรมมีจริง ทำให้ผู้บริสุทธิ์ไม่ตายฟรี ฟ้ามีตา ใครทำอะไรผลกรรมก็จะได้รับแบบนั้น ทั้งนี้อยากบอกน้องสโนว์ว่าครอบครัวสู้เพื่อน้องมาตลอด และขณะนี้ก็ได้รับความเป็นธรรมแล้ว ไม่ต้องห่วงพี่จะดูแลพ่อกับแม่เอง

ขณะนายสุที อรุญพาส อายุ 50 ปี ชาวบ้านโนนเมือง ม.8 ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ เพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น น้องสโนว์เป็นผู้ถูกกระทำจนเสียชีวิต โดยไม่มีสาเหตุ ไม่มีเรื่องบาดหมาง ไม่ได้ทะเลาะกับใคร ไม่ได้สร้างปัญหา และที่สำคัญไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร แต่กลับตกเป็นเหยื่อ ทั้งที่เด็กจะต้องมีอนาคตมีชีวิตที่ดีเป็นที่พึ่งให้กับพ่อแม่ เพราะฉะนั้นในความเห็นส่วนตัวผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษสูงสุด โดยเฉพาะโทษประหารชีวิต เพราะจะได้เป็นเยี่ยงอย่างกับผู้ที่คิดจะทำกระทำผิดกฎหมายต่อไป โดยเฉพาะคดีฆ่าข่มขืน

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง