ไม่พบผลการค้นหา
เฟซบุ๊กผู้ว่าฯ กทม.ยืนยัน เห็นความสำคัญของศิลปะ ไม่คิดทำลายหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ แต่ต้องการพัฒนาสถานที่ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด แต่พร้อมถอย หากประชาชนไม่เห็นด้วย

เฟซบุ๊ก 'ผู้ว่าฯ อัศวิน' สื่อสังคมออนไลน์ที่เผยแพร่ข่าวคราวการทำงานของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)โพสต์ข้อความตอบโต้การรณรงค์ต่อต้านแนวคิดที่ กทม.ต้องการจะเข้าไปบริหารจัดการพื้นที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) แทนมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นองค์กรที่รับผิดชอบหอศิลป์ฯ ตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

โดยเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุว่า กทม.ไม่คิดจะนำพื้นที่หอศิลป์ฯ ไปทำห้างสรรพสินค้าหรือนำไปทำอย่างอื่นตามที่มีกระแสข่าวช่่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

เนื้อหาในเฟซบุ๊กผู้ว่าฯ อัศวิน อ้างอิงคำกล่าวของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ใจความกว่า "ศิลปะยืนยาว ชีวิตสั้น" หรือ Ars longa vita brevis พร้อมทั้งยืนยันว่า พล.ต.อ.อัศวิน ต้องการสนับสนุนให้ประชาชนมีพื้นที่สาธารณะ ปราศจากการแทรกแซง เพื่อสร้างสรรค์งานศิลป์ ไม่ว่าจะใช้เพื่อการแสดงออก ศึกษา หรือร่วมแบ่งปันงานศิลป์


"ผมคงต้องตอบว่า กทม. ไม่เคยคิด และไม่มีทางที่จะทำลายสถานที่แสดงศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศเรา เพียงแต่เราต้องการพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้ได้ใช้ประโยชน์สูงสุด ปัจจุบัน พื้นที่บางส่วนของหอศิลป์ฯ ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์ เราต้องการนำพื้นที่เหล่านั้นมาพัฒนาให้เกิดประโยชน์"


เพจผู้ว่าฯ อััศวิน ระบุว่า หนึ่งในแนวทางที่อยากจะปรับปรุงก็คือ การนำพื้นที่บางส่วนของหอศิลป์ฯ ที่ไม่ได้ใช้งานมาปรับให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนได้เข้ามาใช้สร้างสรรค์งานศิลป์ ทำงาน พบปะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น หรือที่เรียกกันว่า co-working space และในส่วนนิทรรศการก็ยังจะต้องใช้เพื่อแสดงงานศิลปะและวัฒนธรรมอย่างเดิม


"ผมเชื่อมั่นว่า ศิลปะเป็นเรื่องของอิสระทางความคิดและจินตนาการ ศิลปะเป็นสิ่งจรรโลงใจหาใช่เพื่อวัตถุประสงค์ใด และสถานที่แสดงศิลปวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าแห่งนี้จะต้องยังคงอยู่เพื่อประชาชนทุกคนครับ"


อย่างไรก็ตาม การที่กทม.จะเข้าไปพัฒนาพื้นที่ส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์นั้น อาจติดด้วยระเบียบและกฎหมายการมอบกิจการให้มูลนิธิ กทม. จึงมีเป้าหมายที่จะพัฒนาพื้นที่เหล่านั้น โดยมีแนวทางที่จะดึงผู้ที่เกี่ยวข้องและมีประสบการณ์หรือความเชี่ยวชาญ มาช่วยพัฒนา เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ที่ได้ใช้ประโยชน์ร่วมกันและดึงดูดให้ประชาชนสนใจในงานศิลป์มากขึ้น

เพจดังกล่าวทิ้งท้ายว่า "ถ้าประชาชนไม่เห็นด้วย กทม.ก็จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการพัฒนาในพื้นดังกล่าวครับ"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: