ไม่พบผลการค้นหา
ปาตานีรายา ออกแถลงการณ์ จี้ กอ.รมน. แสดงความรับผิดชอบเหตุสำคัญผิดคิดว่าชาวบ้านเป็นคนร้าย ทำให้พลเรือนถูกยิงเสียชีวิต 3 รายที่จังหวัดนราธิวาส

แถลงการณ์สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) กรณี เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารยิงพลเรือนชาวบ้านเสียชีวิต 3 ราย เหตุเพราะสำคัญผิดคิดว่าเป็นกองกำลังของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 เวลาประมาณ 10.00 น. ชาวบ้านในหมู่บ้านอาแน ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้ยินเสียงปืนหลายนัดจากบนภูเขาตรงบริเวณแถวๆ ที่มีการตัดไม้ของกลุ่มคนประจำที่ชาวบ้านรู้จักมักหน้าคุ้นตาอยู่เสมอ พวกเขาไม่ใช่ใครอื่นจากที่ไหนเพราะพวกเขาเป็นลูกหลานของคนในหมู่บ้านไอร์กือแนนั่นเอง  

ต่อมาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสิ้นเสียงปืน ประโยคบอกเล่าเชิงสรุปว่าใครกันคือบุคคลที่ถูกยิงดังกล่าวก็แพร่กระจายมาจากหลากหลายกระบอกเสียงแห่งความเป็นมืออาชีพของความเป็นนักข่าว โดยเฉพาะในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 17 ธ.ค. 2562 มีสื่อสิ่งพิมพ์ดังบางสำนักซึ่งถ้าเอ่ยชื่อไปคงไม่มีใครไปไม่ถึงบางอ้อแน่นอน ได้ระบุพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งของฉบับวันนั้นว่า "ทพ.ลุยโจรใต้ จับตาย 3 ศพ - กบดานในป่า..เปิดฉากเดือด...มีต่อหน้า15" 

ต่อมาในวันเดียวกันของวันที่ 17 ธ.ค. 2562 พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะ ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงถึงเรื่องนี้ว่า ในนาม กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายที่เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยขอยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้านด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้เบื้องต้นพบว่าเป็นการสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตาม หากภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจก็จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น

"เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 รายเป็นราษฎรในหมู่บ้านมิใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปรากฏภาพข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนของหน่วยเพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัยและทางอาญาขั้นเด็ดขาดโดยไม่มีข้อละเว้น"

จากเหตุการณ์นี้ซึ่งตอนแรกแหล่งข่าวบางสำนักนำเสนอต่อสังคมสาธารณะได้เข้าใจว่าเป็นปฏิบัติการปกติของกองกำลังทหารพรานต่อกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกองกำลังติดอาวุธของขบวนการต่อสู้เพื่อเอกราชปาตานี แต่ต่อมาเมื่อทางแม่ทัพภาค 4 ในนามกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้แถลงข่าวยอมรับว่าเป็นการสำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงนั้น

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าสังคมสาธารณะ โดยเฉพาะชาวบ้านชุมชนบ้านอาแนและครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ได้เกิดข้อกังขาใจอย่างที่สุดว่า "รัฐจะสามารถให้ความเป็นธรรมตามการยอมรับว่าเป็นการสำคัญผิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงของแม่ทัพภาค 4 ในนามของกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้หรือไม่?"

แน่นอนในห้วงเวลาแห่งความมุ่งมั่นพยายามเพื่อสร้างบรรยากาศหรือสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยเพื่อสันติสุขในหลากหลายวิธีทั้งวิธีรุนแรงและวิธีสันติ สอดประสานกันของรัฐและขบวนการต่อสู้กับรัฐอย่างขมักเขม้น ณ เวลานี้ 

เหตุการณ์ที่ทหารระดับปฏิบัติการในพื้นที่อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ได้สำคัญผิดว่าชาวบ้านซึ่งประกอบอาชีพรับจ้างตัดไม้ในพื้นที่ป่าเขาประจำหมู่บ้านของตัวเองคือกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในครั้งนี้ ได้ส่งผลกระทบบั่นทอนบรรยากาศสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยสันติสุขอย่างปฏิเสธไม่ได้

สำนักปาตานีรายาเพื่อสันติภาพและการพัฒนา (LEMPAR) จึงมีข้อเรียกร้องดังต่อไปนี้

1. เพื่อรักษาไว้ซึ่งบรรยากาศหรือสภาวะแวดล้อมที่เกื้อกูลต่อการพูดคุยสันติสุขของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ให้ถูกลดระดับความไว้วางใจจากคู่ขัดแย้งหลักและจากภาคประชาชนเนื่องจากเหตุการณ์ครั้งนี้ รัฐควรที่จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้สูญเสียทั้ง 3 ราย ครั้งนี้อย่างถึงที่สุดตามมาตรฐานหลักแห่งนิติรัฐและหลักมนุษยธรรม

2. รัฐควรมีมาตรการที่สามารถแก้ข่าวที่ไม่จริงให้ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและสอดรับกับการแถลงข่าวของแม่ทัพภาค 4 ในนามของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เพื่อแสดงถึงความจริงใจที่จะป้องกันการตัดสินที่ผิดพลาดของสังคมสาธารณะต่อครอบครัวผู้สูญเสียและเป็นการแสดงความจริงใจเบื้องต้นของรัฐที่จะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวผู้สูญเสียครั้งนี้อย่างจริงจัง อันเนื่องมาจากการให้ข่าวของสื่อดังบางสำนักไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น

3. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ควรปรับปรุงและพัฒนาประสิทธิภาพงานการข่าวยิ่งขึ้น

4. กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ควรปรับปรุงประสิทธิภาพงานยุทธการจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

5. ภาครัฐต้องดำเนินการตามกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมอย่างโปร่งใสและเกิดความเชื่อมั่นต่อประชาชนอย่างจริงจัง

6.รัฐบาลควรปรับปรุงกำลังพลที่ปฏิบัติงานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ เนื่องจากเกิดปัญหาซ้ำซากและไม่มีแนวทางการป้องกันเหตุที่มีประสิทธิภาพ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง