ไม่พบผลการค้นหา
แม่ทัพภาคที่ 4 ลงพื้นที่ชี้แจงข้อเท็จจริงเหตุยิงประชาชนเสียชีวิต 3 ราย บนเขาตะเว จ.นราธิวาส ชี้เจ้าหน้าที่สำคัญผิดคิดว่าชาวบ้านเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง ด้านโลกออนไลน์ขุดพบเจ้าหน้าที่โพสต์เฟซบุ๊กคล้ายเป็นการยิงเล่น

วานนี้ (17 ธ.ค.) ที่โรงเรียนชุมชนสหพัฒนา ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (กอ.รมน. ภาค 4 ส่วนหน้า) พร้อมด้วย พล.ท.สมพล ปานกุล รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาคที่ 4 ส่วนหน้า คณะกรรมการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ลงพื้นที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับญาติผู้เสียชีวิต

ภายหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่สำคัญผิดคิดว่าชาวบ้านลอบตัดไม้เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บนเทือกเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดบนเขาตะเว ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยแม่ทัพภาคที่ 4 ได้เน้นย้ำ ดำเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนด้วยความโปร่งใสและพร้อมให้ความเป็น "ธรรม" และ "ช่วยเหลือ" ครอบครัวอย่างเต็มที่ พร้อมขอให้ประชาชนได้ยึด ประกาศความมั่นคงห้ามขึ้นภูเขาที่เป็นเป้าหมายในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ทุกกรณี เพื่อลดความเสี่ยง

พล.ท.พรศักดิ์ กล่าวว่า ในนามของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวและญาติของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย ที่เสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยขอยืนยันว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน ด้วยความโปร่งใส และพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ แม้เบื้องต้นพบว่าเป็นการสำคัญผิดของเจ้าหน้าที่ 

อย่างไรก็ตาม หากภายหลังพบว่าเจ้าหน้าที่กระทำความผิดด้วยความจงใจ จะดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญาทหารขั้นสูงสุดโดยไม่มีข้อยกเว้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้น พบว่าการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวเป็นการขยายผลจากเหตุปะทะกับกลุ่มคนร้ายเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2562 ในพื้นที่ ม.13 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส แต่คนร้ายได้หลบหนีไปได้ และจากภาพข่าวความเคลื่อนไหวของคนร้ายอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา จึงได้จัดกำลังเข้าไปพิสูจน์ทราบ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เจอกับกลุ่มบุลคลไม่ทราบฝ่ายประมาณ 4 – 5 คน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัว เพื่อตรวจสอบแต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้วิ่งหลบหนีพร้อมกับได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 – 4 นัด เจ้าหน้าที่จึงทำการยิงตอบโต้และเมื่อเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพบมีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนที่เหลือได้หลบหนี

ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดแผนเข้ากดดันบังคับใช้กฎหมายกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ป่าภูเขาทุกพื้นที่ พร้อมได้ออกคำสั่งห้ามราษฎรขึ้นไปหาของป่า หรือกระทำสิ่งอื่นใดในพื้นที่ป่าภูเขา ทั้งนี้ได้แจ้งผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เทือกเขาเมาะแต และเทือกเขาตะเว ถือเป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาดเพราะเป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ได้เคยปะทะกับกลุ่มคนร้ายมาแล้วหลายครั้ง โดยที่ผ่านมาสามารถตรวจยึดฐานที่มั่นบนพื้นที่เขาตะเวและเขาเมาะแตได้ถึง 8 ฐาน

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่าผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เป็นราษฎรในหมู่บ้านไม่ใช่ผู้ก่อเหตุรุนแรง ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง แต่ได้สำคัญผิดว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ปรากฏภาพข่าวความเคลื่อนไหวในพื้นที่ดังกล่าวก็ตาม แต่เมื่อเกิดความสูญเสียขึ้น เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทุกคนก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบได้ โดยจะต้องเข้าสู่กระบวนการตามขั้นตอนของกฎหมาย พร้อมกับตั้งคณะกรรมการสอบสวนของหน่วยเพื่อดำเนินการกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางวินัย และทางอาญาขั้นเด็ดขาด โดยไม่มีข้อละเว้น 

นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้คณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรอิสระจากผู้แทนของทุกภาคส่วนที่ได้รับการยอมรับจากคนในพื้นที่ เข้าทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงคู่ขนานอย่างเป็นอิสระด้วยความโปร่งใส เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันในการให้ความช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมและเกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พบโพสต์เฟซบุ๊กเจ้าหน้าที่คล้ายเป็นเหตุยิงเล่น

ด้านโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพการโพสต์เฟซบุ๊กของเจ้าหน้าที่ที่เชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติการ ว่า "มืดแล้ว คืนนี้ได้แค่ 3 ตัวเองเหรอ แย่จัง! ไม่เห็นเก่งอย่างที่คุยเลยอ่ะ เดี๋ยว...จะแอบไป Solo ไล่ล่าคนเดียวต่อ ตอนเช้าถ้าโชคดีคงได้...อีกหลายตัว หนีให้พ้น...นะ... เน็ตโคตรดี โปรแรง" ก่อนปิดเฟสบุ๊กไป


80091737_2784285098284869_7919808011789402112_n.jpg

โดยเหตุปะทะดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำวันที่ 16 ธ.ค. 2562 เจ้าหน้าที่สนธิกำลังปฏิบัติการปิดล้อม ตรวจค้นกลุ่มขบวนการที่เคลื่อนไหวกบดานบนเทือกเขาตะเว เขตรอยต่อระหว่าง อ.ระแงะ กับ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส จนเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ และมีการวิทยุขอกำลังเสริมทั้งภาคพื้นดินและอากาศ

ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ให้ข้อมูลว่าทั้ง 3 คนที่เสียชีวิต เป็นเพียงชาวบ้านที่ขึ้นภูเขาไปทำไม้และเก็บน้ำผึ้งมาขาย และไม่มีประวัติให้การสนับสนุนและพัวพันกับคดีความมั่นคง จนกระทั่งแม่ทัพภาค 4 ออกมาชี้แจงว่าเป็นการสำคัญผิด และพร้อมให้ความเป็นธรรม และช่วยเหลือครอบครัวของผู้เสียชีวิต


นักวิชาการเตือน ทหาร-รัฐ ทำผิดพลาดต้องยอมรับผิด

ด้าน ดร.ตายูดิน อุสมาน อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เขาตะแว อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นข่าวที่น่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ทางเจ้าหน้าที่ได้ยิงผู้เสียชีวิต โดยเขาเหล่านั้น ไม่ใช่คนกระทำความผิด ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาวบ้านพูดกันมากว่าไม่น่าทำเเบบนี้ กระทำเกินกว่าเหตุ เพราะประชาชนเป็นผู้บริสุทธิ์ การที่จะทำอะไรซักอย่างก็ต้องตรวจสอบให้ดีเสียก่อน ว่าพบพฤติการณ์กระทำผิดหรือไม่ เพราะยิ่งการทำแบบนี้ยิ่งเสียมวลชนมาก ชาวบ้านไม่ไว้วางใจต่อเจ้าหน้าที่มากขึ้น เพราะรู้สึกว่าญาติพี่น้องของเขาไม่ได้ทำความผิดอะไร 

ทางรัฐบาลเองต้องดูแลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ด้วย เหตุการณ์ความรุนแรงเริ่มจะเปลี่ยนไปทางที่ว่าผู้บริสุทธิ์จะโดนกระทำเป็นส่วนใหญ่ อาจเกิดจากความไม่สบอารมณ์ของเจ้าหน้าที่ เพราะฉะนั้นทำให้มีการยิง ทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ ตนเองอยากให้เจ้าหน้าที่ใช้ความอดทน อย่าใช้ความรู้สึก อย่าใช้ทัศนคติมีความอคติกับประชาชน ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ถ้าเกิดกับคนที่เห็นต่างกับรัฐ เป็นคู่ต่อสู้จริงๆ ชาวบ้านคงรับได้ การที่ผู้บริสุทธิ์สูญเสียไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไทยพุทธก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะต้องเดินหน้าในทางที่มีสันติภาพต่อไป 

ทั้งนี้ สิ่งแรกที่อยากให้เจ้าหน้าที่ปลูกฝั่งกับลูกน้องที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ให้ระมัดระวังให้ดี ให้ใช้เหตุผล ให้ใช้ความคิดดีๆ ใช้ความเสมอภาคเสียก่อน ที่จะปฏิบัติ ก่อนที่จะทำร้ายต้องคิดให้ดีก่อน อย่าคิดว่าคนที่อยู่ในป่าเขา เป็นแนวร่วมเสียหมด คนที่อยู่ในป่าเขาก็ทำมาหากิน หาเลี้ยงครอบครัว จำเป็นต้องไปอยู่ในพื้นที่รับจ้างทั่วไปในป่า การที่เข้าใจว่าคนที่อยู่ในป่าเป็นคนร้ายหมดซึ่งเป็นความผิดอย่างมาก ต้องยอมรับว่าเขารู้กันว่าอะไรเป็นอะไร ตนอยากจะให้รัฐบาลออกมาพูดตามความเป็นจริงในเมื่อความผิดพลาดไปแล้วก็ต้องพูดความเป็นจริงประชาชนจะได้สบายใจ