ไม่พบผลการค้นหา
ผู้ช่วยเลขาฯหอศิลป์ ยันไม่เคยขาดทุน ระบุหากกทม.ดึงกลับมาบริหารเองเท่ากับทำลาย "ปฏิญญาฯ" ที่ภาคประชาชน 200 กว่าเครือข่ายร่วมร่างเมื่อปี 2548 หวั่นเกิดเหตุการณ์ปลุกกระแสการรักศิลปวัฒนธรรมครั้งใหญ่ทั่วประเทศ

จากกรณี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวทำนองว่าเตรียมนำหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ที่อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิหอศิลป์ กลับมาบริหารจัดการเอง โดยให้สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยวบริหารเองเป็นผู้บริหาร จนทำให้มีกระแสวิพากษณ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง รวมถึงมีการเปิดแคมเปญล่ารายชื่อคัดค้าน

ล่าสุดมีการแชร์ภาพที่ระบุข้อความของ นายพัฒน์ฑริก โรจนุตมะ มีสายญาติ กรรมการผู้ช่วยเลขาธิการมูลนิธิหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ที่แสดงความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา หอศิลป์ บริหารงานอย่างมืออาชีพ และมีประสิทธิภาพ และกำลังเจริญไปข้างหน้าอย่างหอศิลปะที่เกิดขึ้นในสากลโลก และได้ปฏิบัติตาม "ปฏิญาณว่าด้วยความร่วมมือด้านศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานครและพันธมิตร ด้านศิลปวัฒนธรรม" ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 และระเบียบราชการ กทม.2528 ว่าด้วยวิสัยทัศน์, พันธกิจ, วัตถุประสงค์ ทุกประการ 

ขณะที่การบริหารของหอศิลป์ไม่เคยขาดทุนเลยมีแต่การสนับสนุนโดยกทม.จำนวน 40 ล้านบาทต่อปี ส่วนค่าใช้จ่ายที่เกินมานั้น หอศิลป์เป็นผู้หามาเองโดยทั้งสิ้น หอศิลป์นี้จึงเป็นที่หมายตาของกลุ่มทุนชาติที่กำลังแผ่อิทธิพลจากสี่แยกราชประสงค์-พารากอน-มาบุญครอง ที่จะมาครอบครองหอศิลป์ (ที่มีอาณาเขตติดกัน) เขาจะเสนอเงินก้อนใหญ่เป็นผลตอบแทน โดยดึงผู้บริหารงานหอศิลป์เอกชนที่มีชื่อเสียงมาจากต่างประเทศมาบริหารงานในรูปแบบของการสัมปทาน และต่อไปการบริหารหอศิลป์จะถูกมองด้วยสายตาของนักธุรกิจการค้าโดยสิ้นเชิง

นายพัฒน์ฑริก ระบุด้วยว่า สิ่งที่ กรุงเทพมหานครจะกระทำขึ้นนั้น จะเป็นการทำลาย "ปฏิญญาฯ" ที่เราเคยร่วมร่างมาด้วยกันจากภาคประชาชน 200 กว่าเครือข่าย และศิลปินแห่งชาติทุกสาขา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2548 ณ อุทยานเบญจคีรี


"ผมว่าพลังของภาคประชาชนในปัจจุบันนี้ แข็งแกร่งกว่าเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก หากกทม.จะทำจริง ผมเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์ปลุกกระแสการรักศิลปวัฒนธรรมใหญ่ที่สุดทั่วประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"



32337123_10155239367896831_1054715853318127616_n.jpg


อ่านเพิ่มเติม :