ไม่พบผลการค้นหา
ธอส. ออกมาตรการ 7 พักชำระเงินต้น-ดอกเบี้ย 6 เดือน สำหรับลูกค้าเอสเอ็มอี-ผู้ประกอบการแฟลต-อพาร์ตเมนต์-ผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย เผยมีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ เข้าทั้ง 6 มาตรการแล้วกว่า 3.8 แสนบัญชี พร้อมเปิดทางลูกค้ายกเลิกมาตรการที่ 5 "พักต้น-พักดอก" 4 เดือนได้ แต่เตือนชวดทุกมาตรการที่เหลือ

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ตามที่ธนาคารได้มีนโยบายแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) ด้วยการจัดทำ "โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ" ผ่าน 6 มาตรการที่ครอบคลุมลูกค้ากลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ทั้งสถานะบัญชีปกติ สถานะหนี้เสีย (NPL) หรืออยู่ระหว่างทำข้อตกลงประนอมหนี้ หรือสถานะบัญชีดอกเบี้ยผิดนัด หรือสถานะกฎหมาย ในทุกสาขาอาชีพรวมถึงกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และผู้ปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องในด้านสาธารณสุข

ล่าสุด ณ วันที่ 25 เม.ย. 2563 เวลา 17.30 น. พบว่ามีลูกค้าลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ในทั้ง 6 มาตรการ เป็นจำนวนถึง 380,682 บัญชี วงเงินกู้ 381,911 ล้านบาท และเพื่อเป็นการขยายความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายแก่ลูกค้าของธนาคารให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการธนาคารเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 2563 ได้มีมติเห็นชอบให้จัดทำ มาตรการที่ 7 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน สำหรับลูกค้า SMEs ผู้ประกอบการแฟลต/อพาร์ตเมนต์ และผู้ประกอบการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย (Pre Finance) ที่มีวงเงินกู้ไม่เกิน 100 ล้านบาท (วงเงินสินเชื่อรวมทั้งกลุ่มธุรกิจของลูกค้าที่มีกับธนาคารไม่เกิน 100 ล้านบาท) มีสถานะบัญชีปกติ และทำนิติกรรมภายในวันที่ 22 เม.ย. 2563

โดยภายหลังจากการพักชำระหนี้ให้กลับไปใช้อัตราดอกเบี้ยตามเงื่อนไขของสัญญาเดิมโดยไม่ถือว่าเป็นการผิดนัดชำระหนี้หรือเสียประวัติข้อมูลเครดิต เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs มีเงินทุนและสภาพคล่องเพียงพอในการดำเนินธุรกิจและรักษาการจ้างงาน

ส่วนดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ ธนาคารได้แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการชำระให้แก่ลูกค้า แบ่งเป็น

  • กรณีสินเชื่อแฟลต ให้พักชำระดอกเบี้ยได้อีก 12 เดือน จากนั้นให้ทยอยชำระดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ภายใน 24 เดือน หรือ 36 เดือน ตามความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้
  • กรณีสินเชื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) ให้ชำระในช่วงท้ายของสัญญากู้เงิน

ลูกค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านทาง www.ghbank.co.th ตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. - 31 พ.ค. 2563

นอกจากนี้ สำหรับลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้า มาตรการที่ 5 พักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระให้ลูกค้าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลากู้ตามสัญญา ซึ่งเป็นมาตรการที่มีลูกค้าลงทะเบียนมากที่สุดถึง 197,907 บัญชี วงเงินกู้ 180,595 ล้านบาท ล่าสุดธนาคารยังให้สิทธิในการเลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์ประกันอัคคีภัย ประจำปี 2563 ซึ่งจะครบกำหนดการคุ้มครองตามกรมธรรม์เดิมในวันที่ 30 เม.ย. 2563 โดยเลื่อนการชำระจากเดิมระหว่างวันที่ 1-31 พ.ค. 2563 ไปเป็นระหว่างวันที่ 1 ส.ค. - 15 พ.ย. 2563 และลูกค้าจะยังคงได้รับความคุ้มครองต่อเนื่องในช่วงที่ธนาคารให้สิทธิ์เลื่อนระยะเวลาชำระค่าเบี้ยต่ออายุกรมธรรม์

เปิดทางลูกค้าเปลี่ยนใจขอยกเลิกมาตรการที่ 5 "พักต้น-พักดอก" 4 เดือนได้

ขณะเดียวกัน ธนาคารยังอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เคยแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 พร้อมกับกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการไปแล้ว หากต้องการยกเลิกหรือเปลี่ยนกลับไปผ่อนชำระตามเงื่อนไขของสัญญาเงินกู้เดิมเนื่องจากรายได้ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหา COVID-19 ให้สามารถกดยกเลิกมาตรการที่ 5 ได้ด้วยตัวเองผ่าน Application : GHB ALL โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สาขาภายในวันที่ 28 เม.ย. 2563 เท่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อกดยกเลิกมาตรการที่ 5 แล้วจะไม่สามารถเข้ามาตรการอื่น ๆ ของโครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ ได้ในภายหลัง ส่วนลูกค้าที่ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการที่ 5 แล้ว ต้องกดยอมรับข้อตกลงของมาตรการผ่าน Application : GHB ALL จึงถือเป็นการลงทะเบียนเข้ามาตรการโดยสมบูรณ์ และหลังจากปฏิบัติตามข้อตกลงของมาตรการแล้ว ธนาคารจะยกดอกเบี้ยที่พักชำระไว้ทั้ง 4 เดือน ในงวดสุดท้ายของสัญญากู้ต่อไป



ข่าวที่เกี่ยวข้อง :