ไม่พบผลการค้นหา
'สิระ-มงคลกิตติ์' เผชิญหน้ากัน ที่รัฐสภา 'มงคลกิตติ์' ปรี่ถาม "ด่าผมทำไม" ด้าน 'สิระ' ตะโกนเรียกตำรวจสภาคุ้มกัน ยันไม่ได้เป็นนักเลง ใช้วาจาสุภาพ ฟาก 'ชวน' เรียกไกล่เกลี่ยพร้อมกัน แต่ทั้งสองคนไม่ยอม 'มงคลกิตติ์' ส่งทนายฟ้อง 'สิระ' หมิ่นประมาทจันทร์ที่ 24 ส.ค.นี้

ที่อาคารรัฐสภา ชั้น 1 ขณะที่มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ กำลังให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่บริเวณหน้าทางขึ้นลิฟท์ อาคารรัฐสภา ฝั่งสุริยัน เป็นจังหวะที่สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ เดินเข้ามา หลังจากไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง

ผู้สื่อข่าวจึงถามสิระว่า มงคลกิตติ์ไม่ได้ลบโพสต์ในเฟซบุ๊ก แต่นิ้วก้อยไปกดโดน สิระ ตอบว่า ลบไปก็โพสต์ใหม่ได้ ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับที่มงคลกิตติ์ เดินปรี่เข้ามาหาสิระ

สิระ จึงบอกให้สื่อถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นมงคลลกิตติ์เข้ามาจับแขนสิระ แต่สิระสะบัด แล้วพูดว่า "อย่ามาจับตัวผม ... (จับ) ไม่ได้ คุณเป็นนักเลง" มงคลกิตติ์จึงพูดสวนไปว่า "พี่สิระด่าผม" สิระจึงเดินหนี แต่มงคลกิตติ์เดินตามพร้อมชี้หน้า สิระจึงกล่าวว่า "ผมด่าตรงไหน นี่มันสภานะครับ ส.ส.ผู้ทรงเกียรติ" แล้วตะโกนเรียกตำรวจสภาว่ามาจับอันธพาล ซึ่งมงคลกิตติ์ยืนประกบข้าง แล้วบอกว่า "มาจับดิ"

98546.t_Moment.jpg

สิระจึงบอกว่า "นี่แหละครับผู้แทนผู้ทรงเกียรติมาหาเรื่อง ที่นี่สภา" แล้วก็เดินหนีไประหว่างพูด พร้อมย้ำให้ผู้สื่อข่าวถ่ายภาพไปให้ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และฟ้องประชาชน ว่า ส.ส.ทำผิด

มงคลกิตติ์จึงพูดแทรกว่า "ทำไมตอนพูดถึงไม่คิด" สิระตอบว่า "คิดแล้ว"

มงคลกิตติ์ถามว่า "ใครเป็นคนเริ่ม?" สิระตอบว่า "ไม่ต้องมาพูดกับผม" พร้อมหันไปพูดกับสื่อมวลชนว่า ให้จับภาพไว้ใครหาเรื่องใคร ประชาชนเห็นหรือไม่ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับสภาผู้แทนฯ

สิระ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ประธานสภาต้องรับผิดชอบ พร้อมยืนยันว่าตนใช้วาจาสุภาพมาตลอด ไม่ได้เป็นนักเลง ทุกวันทำแต่ความดี ทำงานให้ประชาชน พยุงความยุติธรรม ผลงานก็มีให้เห็นออกไปชัดเจนมากกว่าคณะกรรมาธิการชุดอื่นด้วยซ้ำ และตนตั้งใจจะมาเป็น ส.ส.ไม่ได้ตั้งใจมานักเลงในสภาหรือก่อกวนใคร

98546.t_Moment0000.jpg

พร้อมฝากว่าต่อไปนี้การเดินเข้าออกสภาต้องให้ความปลอดภัยกันมากขึ้น ตนเป็น ส.ส.โดนตามรังควานคุกคาม นี่คือการคุกคามการทำหน้าที่ ส.ส.ในรัฐสภาแล้วประชาชนจะคาดหวังกับการทำงานได้อย่างได้ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องรับผิดชอบ จากนั้นสิระก็เดินไปขึ้นลิฟต์

98546.t_Moment000.jpg

'มงคลกิตติ์' ย้ำลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้

ขณะที่มงคลกิตติ์ที่ยืนมองอยู่ด้านหลังสิระ ได้กล่าวกับสื่อมวลชนหลังสิระเดินแยกไปขึ้นลิฟต์ว่า สิระเป็นคนเริ่มก่อน แทนที่จะมีสำนึกขอโทษก็ไม่มี ตนเป็นลูกผู้ชายฆ่าได้ หยามไม่ได้ คนเราทำอะไรผิดต้องมีสำนึก เป็นลูกผู้ชายทำผิดต้องรู้จักขอโทษ

วันนี้ตนก็มาในฐานะผู้แทนประชาชนเหมือนกัน ที่เดินไปหาก็ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากจะถามว่าที่พูดไปได้คิดหรือเปล่า มันกระทบคนอื่น สร้างความเสียหาย ไม่ใช่ถือดีมาจากไหน ไปด่าคนอื่นไปทั่ว ตนเองก็เคยถูกสิระตำหนิมาหลายครั้ง การเป็นผู้ชายแล้วด่าคนอื่นลับหลังไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย แล้วเกิดอะไรขึ้นก็มัวแต่ฟ้องครูเหมือนเด็กๆ 

พร้อมกับระบุว่า ที่ตนโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แค่ใช้คำว่า 'สิระ' ไม่ได้ระบุนามสกุล และการโพสต์นั้นก็ไม่ได้มุ่งหวังจะเอาชีวิต ส่วนที่สิระไปแจ้งความตน 2 ข้อหานั้น ตนก็ได้ศึกษากฎหมายเพราะเคยโดนดำเนินคดีมาเยอะ จึงเข้าใจความผิดว่าจะมีความผิดมากน้อยแค่ไหน ส่วนที่โพสต์ไปเมื่อวาน (20 ส.ค.) เป็นการบันดาลโทษะ โทษก็ลดลง 2 ใน 3 อยู่แล้ว ขนาดยิงคนตายยังได้ลดโทษติดคุกแค่ 2 ปี ใครโดนแบบตนก็ต้องรู้สึกเหมือนกัน คุมอารมณ์ไม่อยู่ ยอมรับว่าเมื่อวานโกรธมาก หลังสิระแถลงข่าวที่มีถ้อยคำดูถูกตนเอง ขณะที่เพื่อน ส.ส. ที่นั่งอยู่ก็เห็นหมด และขอให้ตนเอาผิดกับสิระ เพราะพฤติกรรมของเขามันเกินไป ปกติตนเองจะเป็นคนที่ไม่ถือสาพวกเดียวกัน แต่ตนเป็นหัวหน้ากลุ่มพรรคเล็ก ทำแบบนี้เหมือนหยามศักดิ์ศรีและดูถูกทุกคนในพรรคเล็กไปด้วย ทุกคนจึงขอร้องให้โทรหาสิระตั้งแต่เมื่อวาน ถ้าสิระรับสายเคลียร์กัน ขอโทษหน้าที่แถลงข่าว ทุกอย่างก็จบ

แต่สิระไม่ได้รับสาย ทั้งที่ตนกับสิระเรียนสถาบันพระปกเกล้าด้วยกัน จะทำอะไรต้องให้เกียรติกัน เรื่องที่ตนแสดงความคิดเห็นทางการเมืองเกี่ยวกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ตนพูดในฐานะแกนนำพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาล เป็นห่วงบ้านเมืองกับเหตุการณ์ที่จะเกิดข้างหน้า และประโยคที่ตนโกรธเลือดขึ้นหน้าคือ "ตักน้ำใส่กระโหลก-บริจาคเงินจนหมดให้มาขอสิระได้-กล้วยหมด" ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องการแสดงความเห็นทางการเมือง

ส่วนที่สิระถามว่าเงินหมดหรือยัง ตนอยากฝากไปบอกว่ามีน้อยก็ใช้น้อย มีมากก็ใช้มาก แต่ปกติตนก็ไม่ได้ใช้อะไรมากอยู่แล้ว ส่วนที่สิระบอกว่าไม่ใช่บันดาลโทษะ แต่เป็นที่สันดาน มงคลกิตติ์กล่าวว่า ปกติกมลสันดานในตัวเองเป็นคนดีก็ได้ เป็นคนเลวก็ได้ เป็นโจรก็ได้ เป็นใครก็ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ เพราะแต่ละคนมีอารมณ์ที่แตกต่างกันไป ช่วงที่โพสต์เฟซบุ๊กอาจย้อนไปช่วงอายุ 17-18 

เมื่อถามว่าทำไมถึงลบโพสต์ที่ขู่สิระ มงคลกิตติ์ ชี้แจงว่า ไม่ได้ลบ แต่เมื่อวานมีผู้สื่อข่าวโทรหาเยอะ แล้วลิงก์โพสต์นั้นของตนมันขึ้นมา แล้วบังเอิญว่านิ้วก้อยไปกดโดนลบ เล็บนิ้วก้อยมันยาว ตนไม่รู้ ลบไปแล้วก็เสียดายอยู่ เพราะกดไลก์เยอะ

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมไม่โพสต์ใหม่ มงคลกิตติ์ตอบว่า ก็มีคนแคปไว้หมดแล้ว จะโพสต์อีกทำไม ส่วนที่ตนเองโพสต์เรื่องบัญชีทรัพย์สิน ยืนยันว่าไม่ได้สื่อถึงใคร ใครมี ก็ไปชี้แจงเพิ่มได้ 

ส่วนที่ถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่สิระกล่าวหาว่า มงคลกิตติ์เป็น ส.ส.พฤติกรรมถ่อย มงคลกิตติ กล่าวว่า ส.ส.พฤติกรรมถ่อย ให้ย้อนดูว่าระหว่างเหตุการณ์ที่ภูเก็ตกับของตนใครถ่อยกว่ากัน เมื่อวานที่ทำไปไม่ใช่อารมณ์ ส.ส. แต่เป็นอารมณ์เด็กช่าง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส่วนหลังจากนี้จะมองหน้ากันติดหรือไม่ หรือจะมีคนกลางมาไกล่เกลี่ย เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มงคลกิตติ์กล่าวว่า ฝากไปบอก พล.อ.ประวิตร ว่า "ให้คุมลูกพรรคหน่อย อย่าให้ไปเที่ยวไล่กัดชาวบ้านแบบนี้" พร้อมย้ำว่าไม่เคลียร์ ถ้าจะเคลียร์ก็ต้องมาขอโทษต่อหน้าสื่อมวลชน แล้วตนจะต้องไปถามแฟนคลับของตนก่อน แฟนคลับทั่วประเทศ ทั้งนักเรียน นักศึกษา เด็กอาชีวะ พวกสิบล้อ วินมอเตอร์ไซค์ ตุ๊กๆ ทุกคนเป็นแฟนคลับมงคลกิตติ์และฝากบอกมาเยอะ กลุ่มนี้เป็นฐานเสียงพรรคไทยศรีวิไลย์ ตนจึงถือว่าเป็นตุ๊กตาของประชาชน ประชาชนต้องการให้ทำยังไงก็ต้องทำตาม และถ้ามีค่าปรับก็คงต้องแชร์กัน ไม่กลัวจะมีใครมาดักท้าต่อยท้าตี ยืนยันว่ารอยร้าวนี้ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วม แยกออกระหว่างเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

พร้อมฝากบอกสิระว่า "ผมไม่ได้เป็นเริ่มก่อน พี่เป็นคนเริ่มก่อน เพราะฉะนั้นพี่ก็รู้ว่าใครถูกใครผิด ในภาษาวัยรุ่นหรือนักเลงใครเริ่มก่อน" มงคลกิตติ์พูดด้วยสีหน้าเอาเรื่อง พร้อมชี้นิ้วแล้วพูดว่า "ใครเริ่มก่อน ผมไม่ได้เริ่มก่อน"

'ชวน' เรียก 'สิระ-มงคลกิตติ์' สยบศึก สั่งห้ามต่อยกันในสภา

ต่อมา สิระ ได้เดินทางเข้ามาพบชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออธิบายถึงปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นและขอให้ประธานสภาผู้แทนราษฎร สอบจริยธรรมมงคลกิตติ์ ด้วย โดยใช้เวลาคุยประมาณ 15 นาที ก่อนออกจากทำงานของชวน

ต่อมาผู้สื่อข่าวพบว่า มงคลกิตติ์ ยืนรอต่อคิวเพื่อเข้าพบชวนเช่นกันโดยทั้งคู่ได้มองหน้ากันแต่ไม่ได้มีการทักทาย หรือพูดคุยใดๆ โดยมงคลกิตติ์ ได้เข้าพบนายชวน ประมาณ 10 นาทีก่อนออกจากห้องไป

จากนั้นเวลา 12.30 น. ที่รัฐสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่างสิระ กับมงคลกิตติ์ ว่า ภาพพจน์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องแยกระหว่างคนหมู่ใหญ่ กับ คน 2 คน ออกจากกัน อย่าเหมาว่าทุกคนในสภา จะมีสภาพแบบนี้ ตนตั้งใจว่าจะให้ทั้ง 2 คนได้พบกันและคุยกัน เพราะว่าถ้าไม่คุยกันจะยิ่งขัดแย้งกัน โดยสิระ ยืนยันว่าจะส่งกรรมการจริยธรรม พอดีกับสัปดาห์ที่แล้ว เรากำลังประชุมกรรมการจริยธรรม เพื่อมอบให้นิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ไปร่างระเบียบ วิธีปฏิบัติก็จะเป็นหนึ่งในเรื่องที่รวมเอาไว้เพื่อเสนอคณะกรรมการจริยธรรมต่อไป  

ชวน กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องความรุนแรง ขอร้องว่าอย่าให้เกิดขึ้น การขัดแย้งเรื่องวาจาไม่เป็นไร ค่อยว่ากันแต่เรื่องความรุนแรงอย่าให้เกิดขึ้น ตนพยายามที่จะเชิญทั้ง 2 ฝ่ายมาคุยกัน แต่ทั้งคู่ไม่ยอม มาคุยกัน โดยคนที่ยืนกรานว่าจะไม่ขอคุยคือสิระ ซึ่งทางฝ่ายของมงคลกิตต์ เองก็ไม่ต้องการเช่นกัน 

เมื่อถามว่า หากมีการต่อยหรือตีกันในสภาฯ จริงๆ จะมีบทลงโทษอย่างไรบ้าง ชวน กล่าวย้ำว่า "บอกแล้วว่ายังไงก็อย่าให้เกิดขึ้น ผมคิดว่าดีที่สุดคือเอาคำพูดของแต่ละฝ่าย มารวบรวม เรียบเรียงว่าเริ่มต้นอย่างไร ใครเป็นผู้ก่อเรื่องขึ้นมาก่อน และเรื่องตามมาอย่างไร ส่วนเรื่องที่บอกว่าจะเอาให้ฟันร่วงหมดเลย เขาก็ยืนยันว่าเขาจะไม่ทำ" ชวน กล่าว

ผู้สื่อรายงานในเวลาต่อมาว่า หลังเข้าพบประธานสภาฯ มงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า มอบหมายให้ทนายความของพรรคไปฟ้องสิระที่ศาลอาญาในข้อหาหมิ่นประมาทในวันจันทร์ที่ 24 ส.ค.นี้

    


ข่าวที่เกี่ยวข้อง