การเมือง
'เรืองไกร' บี้ นายกฯ เก็บภาษี 'ประวิตร' ปมยืมนาฬิกาเพื่อน
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวว่า กรณีที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตอบหนังสือเรื่องยืมใช้คงรูปไม่ต้องยื่นบัญชี ว่า สาธารณชนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มากมาย แต่คล้ายกับว่าจะให้จบเรื่องโดยอภินิหารทางกฎหมายที่ยกมาอธิบาย แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ เรื่องนี้มีต่อแน่นอนโปรดติดตาม
นายเรืองไกร ระบุว่า แต่ตามหนังสือ ป.ป.ช.ทำให้เห็นช่องทางตามกฎหมายอื่นด้วย โดยเฉพาะประมวลรัษฎากร ซึ่งการได้ใช้ทรัพย์สินโดยไม่เสียค่าเช่าค่าตอบแทน ประมวลรัษฎากร มาตรา 39 ให้ถือเป็นเงินได้พึงประเมิน ดังนั้น เรื่องนี้ต้องร้องไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สั่งการอธิบดีกรมสรรพากร ตามประเมินและเรียกเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โดยด่วน จากการยืมใช้คงรูป ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม วันนี้ (2 มิ.ย.2563) ตนได้ส่งจดหมายลงทะเบียนถึง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอุตตม เพื่อสั่งให้มีการเก็บภาษีพร้อมเงินเพิ่มและเบี้ยปรับ (ถ้ามี) จาก พล.อ.ประวิตร ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในหนังสือที่นายเรืองไกร ยื่นต่อนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุตอนหนึ่งว่า ตามหนังสือสำนักงานป.ป.ช.ตอบมานั้น แสดงว่า พล.อ.ประวิตร ได้ยืมใช้นาฬิกาโดยไม่มีหนี้ที่เป็นตัวเงินที่ต้องชำระจากการยืมดังกล่าว จึงเท่ากับว่า พล.อ.ประวิตร ไม่มีหนี้ที่เป็นตัวเงินจากการยืมใช้นาฬิกาดังกล่าว เท่ากับยืมใช้ฟรีๆ โดยไม่เสียค่าเช่า อันถือเป็น "ประโยชน์อื่นใด" ตามความในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ซึ่งหมายความรวมถึง "การให้ใช้ทรัพย์สิน การให้บริการ หรือการให้ส่วนลด โดยไม่มีค่าตอบแทนหรือมีค่าตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามปกติทางการค้าและการทำให้หนี้ที่พรรคการเมือง เป็นลูกหนี้ลดลงหรือระงับสิ้นไปด้วย" และถือเป็น "ประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ" อันเป็นเงินได้พึงประเมินที่ถือเป็นประโยชน์อย่างอื่นที่ได้รับ ตามความในประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และไม่ใช่เงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นตามมาตรา 42 ดังนั้นพล.อ.ประวิตร จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม (ถ้ามี) ต่อกรมสรรพากร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
