ไม่พบผลการค้นหา
พรรคไทยรักษาชาติยื่นหนังสือถึง กกต. ขอสิทธิ์แสดงหลักฐานกรณีจะพิจารณายุบพรรค ทีมกฎหมายเปรียบเหมือนประหารชีวิตก่อนสอบสวน ขัดหลักนิติธรรม และกระทบเสรีภาพประชาชนในการเลือกตั้ง

นายสุรชัย ชินชัย คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต่อกรณีที่มีข่าวเผยแพร่ว่า กกต. มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค ทษช. เพื่อขอโอกาสในการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ชี้แจงแสดงเหตุผลข้อเท็จจริง เนื่องจากพรรคเห็นว่า การใช้อำนาจของ กกต. ต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 3 และการยุบพรรคเป็นการกระทบต่อสิทธิของพรรคและสมาชิกพรรคที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้ตามมาตรา 4 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองหรือพ.ศ. 2560 มาตรา 93 เมื่อ กกต. ยังไม่ได้ดำเนินการมีมติกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการไต่สวน สอบสวน พิจารณา ชี้ขาดกรณีการกระทำผิดของพรรคการเมือง มาตรา 92 ไว้ตามที่กฎหมายกำหนด

ดังนั้นการดำเนินการใดๆ ของคณะกรรมการจึงอาจเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะนายทะเบียนพรรคการเมืองและ กกต. จะรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานได้ฟังความข้างเดียวโดยไม่ให้โอกาสพรรคผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแสดงพยานหลักฐานไม่ได้เพราะขัดต่อหลักนิติธรรมและกฎหมายที่กำหนด ดังนั้นเพื่อให้เป็นไปตาม ระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 พรรค ทษช. จึงมีโอกาสในฐานะผู้กล่าวหา 

1. ต้องให้โอกาสพรรค ทษช. ทราบข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุปตามมาตรา 43 วรรคแรก ในกฎหมาย กกต. 

2. ผู้ถูกกล่าวหามีสิทธิ์ที่จะให้ถ้อยคำหรือแสดงพยานหลักฐานในระยะเวลาตามที่เจ้าพนักงานกำหนดและมีสิทธิ์ที่จะให้ทนายความหรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าฟังการไต่สวนได้ตามมาตรา 43 วรรคสอง และเปิดโอกาสให้คู่กรณีได้โต้แย้งคัดค้านและแสดงพยานหลักฐานภายในระยะเวลาอันสมควร



ไทยรักษาชาติ.jpg

นายสุรชัย กล่าวว่า วันนี้คณะทำงานพรรคไทยรักษาชาติได้เข้ายื่นหนังสือแก่ กกต. เพื่อขอโอกาสในการใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ หลังจากมีกระแสข่าว ว่า กกต. จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งทางพรรคเห็นว่าไม่เป็นธรรมเพราะว่าไม่มีโอกาสชี้แจงทั้งที่ตามกระบวนการกฎหมายผู้ถูกร้องต้องมีโอกาสชี้แจงและแสดงหลักฐานก่อน ซึ่งการกระทำเช่นนี้ ไม่ต่างจากนำพรรคไทยรักษาชาติไปประหาร

ด้วยเหตุนี้ จึงอยากให้ กกต.เปิดโอกาสให้พรรคไทยรักษาชาติเข้าสู่สนามเลือกตั้งและให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เพราะ กกต. ทำหน้าที่เปรียบเสมือนพนักงานสอบสวนนี้ และไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงต้องเร่งรัดกระบวนการ อย่างน้อยขอให้สมาชิกได้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญก่อน เพราะไม่ได้ใช้สิทธิ์มาหลายปีแล้ว

ทีมกฎหมายทษช. ชี้ ยุบพรรคเสมือนประหาร

ที่พรรคไทยรักษาชาติ นายพิชิต ชื่นบาน คณะทำงานกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ เปิดเผยว่าทางพรรคได้เตรียมทั้งพยานหลักฐาน และพยานบุคคลรวมถึงรวบรวมข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ในการชี้แจงและต่อสู้คดีกรณีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค พร้อมตั้งข้อสังเกตตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องที่วางหลักไว้ว่า หากพรรคการเมืองยื่นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็ให้เสมือนหนึ่งไม่ได้เสนอชื่อเลย 

นายพิชิต จึงแนะนำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ไปถามเจตนารมณ์ของฝ่ายที่ร่างกฎหมายว่าคืออะไร อีกทั้งองค์ประกอบตามมาตรา 92 พ.ร.ป.พรรคการเมืองและกฎหมายวเกี่ยวกับ กกต.กำหนดให้นายทะเบียนพรรคการเมือง

ซึ่งก็คือเลขาธิการ กกต.ต้องรวบรวมพยานหลักฐานและฟังทุกฝ่ายให้สิ้นกระแสความ และการยุบพรรคที่เป็นการประหารชีวิตทางการเมือง เกี่ยวข้องและมีองค์ประกอบหลายฝ่าย และ กกต. ยังไม่มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับความดำเนินการเรื่องนี้ จะเร่งด่วนสรุปฝ่ายเดียวไม่ได้ ที่สำคัญทางพรรคควรได้รับทราบข้อกล่าวหาและโอกาสชี้เเจงก่อนจะมีมติว่าจะยุบพรรคหรือไม่

นายพิชิต เปิดเผยด้วยว่า สมาชิกตัวแทนและสาขาพรรคจำนวนมากโทรศัพท์ มาร่ำไห้กับตัวเองต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าพรรคไทยรักษาชาติจะถูกยุบโดยไม่มีโอกาสชี้แจงและไม่ได้ลงสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่งหาก กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ทางพรรคก็เตรียมทุกอย่างไว้พร้อมรับมือทั้งทางข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย อย่างไรก็ตามไม่ได้เป็นการท้าทาย แต่วันนี้ต้องการวิงวอนขอความเป็นธรรมและโอกาสให้กับพรรค โดยเฉพาะการให้ กกต.ยึดหลักฟังความทุกฝ่าย ตามหลักนิติรัฐนิติธรรมที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้และเป็นไปตามหลักสากลด้วย

"เอกชัย หงส์กังวาน" บุก กกต.จี้ยุติการสอบสวนยุบไทยรักษาชาติ

นายเอกชัย หงส์กังวาน นักกิจกรรมทางการเมือง ยื่นหนังสือถึงเลขาธิการ กกต. ขอให้ยุติการสอบสวนกรณียุบพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่พรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อาจเป็นความผิดตาม พรป.พรรคการเมือง ในมาตรา 92 จนนำไปสู่การยุบพรรค

นายสุรชัย ย้ำว่า การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติ เป็นไปตามขั้นตอนการรับสมัครของ กกต.ทุกประการ อีกทั้งพรรคไทยรักษาชาติยังไม่เคยนำชื่อภาพไปใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียง การเสนอชื่อจึงไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย

การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯของพรรคไทยรักษาชาติ จึงไม่มีลักษณะเป็นการล้มล้าง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใด ขณะเดียวกรณีนี้เปรียบเหมือนนักกีฬาที่แข่งขันแล้วแพ้หรือตกรอบ นักกีฬาไม่ควรถูกประหารชีวิต จึงขอเรียกร้องให้ กกต.ยุติและจำหน่ายการสอบสวนกรณีนี้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง