ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกศูนย์ศบค.เผยตัวเลขผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่เพิ่ม 54 ราย เสียชีวิต 2 ราย เป็นชายชาวฝรั่งเศสวัย 72 ปีกับชายไทยวัย 82 ปี ย้ำคงประกาศเคอร์ฟิวเวลา 4 ทุ่มถึงตี 4 ผ่านมา 1 สัปดาห์จับกุมผู้ฝ่าฝืนกว่า 1,200 รายเหตุมั่วสุม-ออกนอกเคหสถานโดยไม่มีเหตุสมควร

นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า ตัวเลขผู้ป่วยใหม่ในวันนี้เพิ่มขึ้น 54 ราย เสียชีวิต 2 ราย รวมผู้ป่วยสะสมทั้งสิ้น 2,423 ราย ครอบคลุม 67 จังหวัด ซึ่งผู้เสียชีวิตล่าสุดในวันนี้ เป็นผู้ป่วยชายสัญชาติฝรั่งเศสอายุ 72 ปี ไม่มีโรคประจำตัวมีอาการไข้ ไอ ปวดท้อง และรักษาตัวที่จังหวัดชลบุรี เป็นปอดอักเสบติดเชื้อ

ส่วนอีกรายเป็นคนไทย อายุ 82 ปี มีไข้ 38.5 องศาเซลเซียส มีอาการ ไอ และเหนื่อย รักษาตัวที่สมุทรปราการต้องใส่ท่อช่วยหายใจ แต่อาการไม่ดีขึ้นและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยใหม่ 54 ราย ส่วนใหญ่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในกรุงเทพฯ และมีกลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศและคนไทยเดินทางกลับมาจากต่างประเทศรวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์อีก 4 รายที่ติดเชื้อในวันนี้

สำหรับจังหวัดที่ไม่พบผู้ป่วยมีทั้งสิ้น 10 จังหวัด ทั้งนี้ตัวเลขขณะนี้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจจึงต้องมีการเข้มงวดในทุกมาตรการ

นอกจากนี้ ยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 1,500,000 คน เสียชีวิต 48,079 คน โดยประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 44 ของโลก สหรัฐอเมริกายังเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดกว่า 420,000 คน รองลงมาคือสเปน 148,000 กว่าคน และอิตาลี 139,000 กว่าคน ผู้เสียชีวิตสูงสุดคืออิตาลี 17,669 ราย รองลงมาคือสเปน 14,792 ราย และฝรั่งเศส 10,869 ราย 

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวสรุปผลการปฏิบัติงานในช่วงเคอร์ฟิวในคืนวันที่ 8 เมษายนต่อเนื่อง 9 เมษายนจับกุมผู้ฝ่าฝืน 1,204 ราย ตรวจค้น 28,894 คน มีรถยนต์ผ่านเข้าออก 22,102 คัน ออกนอกเคหสถานไม่มีเหตุสมควร 1,221 รายและมั่วสุมอีกกว่า 100 ราย

พร้อมยืนยัน ว่ายังไม่มีการปรับเวลาการประกาศเคอร์ฟิวยังคงไว้ที่ 22.00-04.00 น. ขอประชาชนให้ความร่วมมือส่วนประชาชนที่มีเวรยามหรือการทำงานนอกเหนือเวลาก็จะรวบรวมอาชีพต่างๆ เหล่านี้เสนอเป็นข้อยกเว้นต่อไป

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ขอบคุณและชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต่างให้มีการดูแลขวัญกำลังใจเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะผู้ที่ดูแลผู้ป่วยทุกคนที่มีความเสียสละ ซึ่งเมื่อวานได้เดินทางเดินทางไปเยี่ยมเยียนคนไทยที่กลับจากต่างประเทศ และถูกกักตัวที่โรงแรมภัทรา ว่าอยากให้คนไทยเข้าใจว่าโรงแรมเหล่านี้หรือภาคเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเพราะจะมีคนไทยอีกจำนวนมากเดินทางเข้ามาที่ประเทศไทยและต้องการที่พัก ซึ่งจะต้องมีการปรับมาตรฐานให้มีความสะดวกสบายและระบบการรักษาพยาบาลให้ดีขึ้นไปอีก

ทั้งนี้ ที่ประชุมให้ความสำคัญในเรื่องคนไทยที่จะเดินทางกลับเข้ามาในประเทศ ซึ่งหากเดินทางเข้ามาวันละ 200 คนจะทำให้จัดหาที่พักได้ หากผู้ใดที่ไม่เดือดร้อนขอให้อยู่ในต่างประเทศก่อนหากจำเป็นที่จะต้องเข้ามาจริงๆก็จะมีมาตรการที่เข้มงวดคัดกรอง ยืนยันดูแลคนไทยทุกคนทั่วโลกราว 1,600,000 คน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :