ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ห้ามปรามกลุ่มภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ประกาศพร้อมชนม็อบนักศึกษา ย้ำเห็นต่างได้ตามวิถีประชาธิปไตย แต่ห้ามใช้ความรุนแรงขอทุกกลุ่มเลี่ยงเผชิญหน้ากัน

พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์​โอชา​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึงกรณีมีกลุ่มผู้ชุมนุมภาคีเครือข่ายปกป้องสถาบัน ที่ ม.รามคำแหง หลังประกาศพร้อมชนกับผู้ชุมนุมที่เห็นต่าง กังวลหรือไม่ว่าจะบานปลาย และรัฐบาลจะต้องเร่งห้ามปรามหรือดูแลอย่างไร โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่รู้ว่าพร้อมชนที่ว่าคืออะไร แต่ถ้าหมายถึงการเผชิญหน้าพร้อมกระทบกระทั่งกัน คิดว่าไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา เพราะต่างคนต่างแสดงความคิดเห็นได้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์และไม่ละเมิดกฎหมาย

ซึ่งจะเห็นว่ารัฐบาลไม่ได้เข้าข้างใคร แม้กระทั่งทำผิดกฎหมายรัฐบาลอย่างต้องดูแล เพราะไม่ต้องการให้ทุกคนเกิดผลกระทบซึ่งกันและกัน และไม่ต้องการให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น แต่เรื่องสำคัญที่สุดต้องมองอีกแง่ด้วย ในกรณีที่ชาวต่างชาติถูกทำร้ายร่างกาย ตนเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยด้วยกัน 


ติงราษฎรทำร้ายต่างชาติทำเสียภาพลักษณ์

โดยนายกรัฐมนตรี ได้ยกตัวอย่าง กรณี นราธิวัฒน์ คำมา หรือ เคน ขึ้นปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษสลับกับภาษาไทยเชิญชวนชาวไทยและชาวต่างชาติรวมขับไล่นายกรัฐมนตรี ระหว่างการปราศัยของกลุ่มคณะราษฎรพัทยา ก่อนที่มีปากเสียงกับนักท่องเที่ยวคือ วราดีสลาฟ ทีมอคีน อายุ 52 ปี สัญชาติรัสเซีย ก่อนใช้ศีรษะโขกเข้าที่ใบหน้าของ นายวราดีสลาฟ จนได้รับบาดเจ็บ  

ว่าเรื่องนี้ต่างชาติ ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร ถึงจะกระทบกระทั่งด้วยวาจาอะไรกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เข้าไปทำร้ายแบบนี้ ทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศไทย และของคนไทยทั้งหมด ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่า ความเห็นที่แตกต่างทางการเมืองเป็นปกติวิถีทางประชาธิปไตย ต้องอยู่ร่วมกันให้ได้ และอยู่ตรงกลางให้ได้ รัฐบาลและฝ่ายกฎหมาย ก็พยายามอดทนอดกลั้นในหลายๆเรื่อง ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยที่เหนื่อยและเครียดเหมือนกัน เขาอดกลั้นเท่าไหร่ เขาทำเพื่อใคร ทำเพื่อประชาชนส่วนใหญ่หรือเปล่า ซึ่งต้องไปดูตรงนั้นด้วย


อย่าฝ่าฝืนกฎหมายจนเลยเถิด

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า วันนี้การเสนอข่าวอะไรต่างๆนั้น ตนไปห้ามอะไรไม่ได้อยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรก็ตาม ต้องไม่ให้สังคมวุ่นวายมากขึ้นไปเรื่อยๆ ดังนั้นถือเป็นความรับผิดชอบของทุกคน รวมถึงความรับผิดชอบของตนและคนไทยทั้งประเทศด้วย ซึ่งขอยืนยันว่าจะพยายามไม่ให้เกิดการกระทบกระทั่งโดยเด็ดขาด

ขออย่าฝ่าฝืนกฎหมายจนเกินเลยหรือเลยเถิดไป ซึ่งหากไม่ปฏิบัติเจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิด โดยขณะนี้พยายามใช้มาตรการอยู่แล้ว ทั้งนี้หลายอย่างก็อยู่ในกระบวนการของรัฐสภา และหลายอย่างก็อยู่ในกลไกของการแก้ปัญหา ถ้าทุกคนไม่รับอะไรกันเลย จะไปทางไหนก็ไม่รู้เหมือนกัน

อ่านเพิ่มเติม