ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากการประชุม 'แถบและเส้นทาง' ที่จีน ช่วงค่ำวันที่ 27 เม.ย. พร้อมระบุ สองประเทศพร้อมร่วมมือทางเศรษฐกิจ ขณะที่สีจิ้นผิง ผู้นำจีน แถลงโต้สื่อต่างชาติที่วิจารณ์รัฐบาลของตน ย้ำ "ไม่ได้เอาเปรียบประเทศยากจนที่ติดหนี้จีน"

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางกลับจากการประชุมที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีนวันที่ 27 เม.ย. 2562 โดยถึงท่าอากาศยานกองบิน 6 ดอนเมืองกรุงเทพฯ เวลา 18.20 น. โดย พล.อ.ประยุทธ์เปิดเผยว่า ผลการประชุมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตามที่สื่อมวลชนได้รายงานข่าว

ในการประชุม นายกรัฐมนตรีมีโอกาสกล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2 ซึ่งพลเอกประยุทธ์เข้าร่วมประชุมระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน 2562 จากนั้น ได้พบปะหารือกับนายสีจิ้นผิง นายกรัฐมนตรีของจีน ในช่วงกลางวัน ก่อนที่จะหารือทวิภาคีกับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ในตอนค่ำ 

ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงความสัมพันธ์ทวิภาคี โดยผู้นำไทยและจีน ต่างยินดีที่ทั้งสองประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและใกล้ชิดกันมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งเน้นย้ำความร่วมมือทางเศรษฐกิจ 

ประยุทธ์กลับจากการประชุมแถบและเส้นทางครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่งของจีน-BRI

ขณะที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า การประชุมข้อริเริ่มแถบและเส้นทาง (BRI) ในปีนี้ มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อเทียบกับการประชุมเมื่อปี 2017 โดยซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ผู้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้มีจำนวนกว่า 5,000 คน โดยเป็นตัวแทนจาก 150 ประเทศทั่วโลก ทั้งยังมีผู้นำประเทศต่างๆ เข้าร่วมทั้งหมด 37 ราย เพิ่มขึ้นจากเดิม 29 ราย เมื่อ 2 ปีก่อน

'วลาดิเมียร์ ปูติน' ประธานาธิบดีรัสเซีย เป็นผู้หนึ่งที่เข้าร่วมการประชุม BRI เป็นครั้งแรก เช่นเดียวกับผู้นำไทย ปาปัวนิวกินี สิงคโปร์ และบรูไน แต่ก็มีผู้นำอีกหลายประเทศที่ไม่ได้มาเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ โดยเฉพาะผู้นำสหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ ฝรั่งเศส อินโดนีเซีย ศรีลังกา และอินเดีย 

ซีเอ็นเอ็นประเมินว่า โจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย อาจเลือกที่จะไม่เข้าร่วมการประชุมที่กรุงปักกิ่งในครั้งนี้ เพราะอินโดนีเซียเพิ่งเสร็จสิ้นจากการจัดเลือกตั้งครั้งใหญ่ทั่วประเทศมาได้ไม่นาน ทั้งยังไม่ได้มีการประกาศรับรองผลเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ประธานาธิบดีอินโดนีเซียก็ถูกโจมตีอย่างหนักว่ายอมให้กับเงื่อนไขของกลุ่มทุนจีนมากจนเกินไป หลังจากที่เขาสามารถเปิดใช้บริการรถไฟฟ้าในกรุงจาการ์ตาสำเร็จ โดยได้รับเงินกู้จากจีน รวมถึงยอมรับเงื่อนไขในการก่อสร้างเส้นทางรถไฟโดยใช้เทคโนโลยีจากจีน

ส่วนผู้นำศรีลังกาก็ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์ในประเทศยังไม่สงบ เพราะศรีลังกาเพิ่งเกิดเหตุก่อการร้ายในช่วงเทศกาลอีสเตอร์เมื่อไม่กี่วันมานี้ แต่ศรีลังกาก็เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งรัฐบาลถูกโจมตีจากฝ่ายค้านและประชาชนว่ายอมให้จีนทำสัญญาเช่าที่ดินนานถึง 99 ปี ในโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกและจีนได้ประโยชน์มากกว่าศรีลังกา 

นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังระบุในการประชุม BRI ด้วยว่า ไตรมาสแรกของปี 2019 จีนได้อนุมัติเงินกู้ให้แก่ประเทศต่างๆ เพื่อให้นำไปดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องกับคมนาคม รวมเป็นเงินกว่า 90,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ไทม์ได้เผยแพร่ถ้อยแถลงของสีจิ้นผิง ซึ่งกล่าวต่อที่ประชุม BRI ในกรุงปักกิ่ง โดยยืนยันว่า โครงการแถบและเส้นทางของจีน "ไม่ใช่การเอาเปรียบประเทศที่ยากจนและเป็นหนี้จีน" แต่มีเป้าหมายเพื่อ 'แบ่งปัน' ความมั่งคั่งกับประชาคมโลก ทั้งยังเป็นการส่งเสริมเพื่อให้เกิดโอกาสใหม่ๆ ด้านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: