ไม่พบผลการค้นหา
'พิชัย' ชี้ เศรษฐกิจแย่ แต่รัฐบาลกลับซื้ออาวุธเพิ่มไม่หยุด ถาม 'พล.อ.ประยุทธ์' ต้องถูกถอดถอนเหมือน 'ทรัมป์' หรือไม่ กรณีมีการใช้สื่อรัฐถล่มพรรคคู่แข่ง

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงร้อยละ 0.25 แต่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) กลับยังคงอัตราดอกเบี้ยเดิมไม่ปรับลดตาม ซึ่งน่าจะทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งค่าเงินบาทของไทยแข็งค่ามากที่สุดในภูมิภาคอยู่แล้ว และจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกที่ทรุดอยู่แล้วให้ทรุดลงมากขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลและแบงค์ชาติได้หามาตรการทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

เพราะขนาดจีนที่มีเศรษฐกิจดีกว่าไทยยังต้องประกาศลดค่าเงินหยวนล่วงหน้าไปก่อนนานแล้ว ซึ่งถ้ายังบริหารเศรษฐกิจกันแบบนี้เศรษฐกิจไทยคงฟื้นยาก ขนาด กนง. เองยังปรับลดประมาณการเศรษฐไทยว่าจะขยายได้เพียงร้อยละ 2.8 เท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามที่ตนเคยบอกไว้แล้วว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ไม่ถึงร้อยละ 3 และอาจจะต่ำลงได้อีกถ้าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น

ขณะที่ เศรษฐกิจไทยกำลังย่ำแย่ แต่รัฐบาลกลับซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์เพิ่มขึ้นอีกโดยล่าสุดได้มีการตกลงซื้อเฮลิคอปเตอร์จู่โจมจากสหรัฐ 8 ลำ ราคา 4,226 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในกรอบวงเงิน 12,000 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะซื้อรถเกราะสไตรเกอร์ 50 คัน และ ซื้อเรือรบจากจีนซึ่งกองทัพเรือต้องออกมาแก้ตัวว่าไม่ได้มุบมิบซื้อ

เหมือนกับจะไม่รับรู้เลยว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนทางเศรษฐกิจกันอย่างมาก หลายพื้นที่ประสบปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งไม่ได้มีห้องแอร์ให้ประชาชนได้พักพิงเหมือนที่พลเอกประยุทธ์พูด ซื่งพูดเหมือนต้องการจะแก้ตัว ทั้งนี้อาจเป็นเพราะมีการไปรื้อเพิงพักของชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนและต้องหนีน้ำมาอาศัยอยู่ตามรายทาง เพื่อต้อนรับพลเอกประยุทธ์ที่ลงพื้นที่ไปตรวจสภาพน้ำท่วม ซึ่งถ้าเป็นรัฐบาลที่มาจากประชาชนอย่างแท้จริงคงต้องสัมผัสความรู้สึกของประชาชนได้มากกว่านี้

อีกทั้งคงไม่กล้าจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ในช่วงภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่เช่นนี้ เพราะประชาชนคงต้องสงสัยว่ารัฐบาลยังต้องขอรับบริจาคเงินช่วยเหลือประชาชนที่ประสพภัยน้ำท่วมอยู่เลย แต่รัฐบาลกลับเอาเงินที่มีไปซื้ออาวุธแบบไม่ตะขิดตะขวงใจเลย 

ติงจะรีบซื้ออาวุธทำไม เมื่อเศรษฐกิจยังย่ำแย่

ทั้งนี้อยากจะขอสอน พลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจว่าในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ การใช้จ่ายของรัฐควรต้องคำนึงว่าใช้จ่ายไปแล้วจะมีผลดีต่อเศรษฐกิจอย่างไร ประชาชนจะได้ประโยชน์อย่างไร ซึ่งการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากต่างประเทศจะไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อเศรษฐกิจของไทยเลย เพราะเงินจะไหลออกไปต่างประเทศหมด ซึ่งควรจะต้องงดเว้นไว้ก่อนในช่วงนี้ โดยหากมีความจำเป็นรัฐบาลควรจัดซื้อในภายหลังเมื่อภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น และต้องคำนึงว่าจะซื้อเพื่อไปต่อสู้กับใคร ซึ่งก็ยังไม่เห็น และในอนาคตการสู้รบอาจจะปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี เช่น รูปแบบการใช้โดรนโจมตี เหมือนที่ใช้ทิ้งระเบิดในประเทศซาอุฯ และ การใช้หุ่นยนต์ ร่วมกับ Ai (ปัญญาประดิษฐ์) โดยอาจจะมีสงครามในรูปแบบใหม่ๆ กันแล้ว ดังนั้นกองทัพสมัยใหม่จะต้องเร่งปรับตัว ซึ่งคงจะไม่ต้องมีการเกณฑ์ทหารกันแล้ว การรับสมัครก็น่าจะเพียงพอ ข้อมูลเหล่านี้พลเอกประยุทธ์น่าจะลองกูเกิ้ลดูบ้าง

อย่างไรก็ดี ประชาชนจำนวนมากตั้งข้อสงสัยว่า การซื้ออาวุธครั้งนี้ เพียงเพื่อต้องการเอาใจสหรัฐฯ ใช่หรือไม่ พร้อมกับมีรูปถ่ายพร้อมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และ ประชาชนยังสงสัยเพิ่มอีกว่า การที่ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกสภาผู้แทนสหรัฐฯ นำเข้าสู่ขบวนการถอดถอนเพราะลุแก่อำนาจในการขอให้ผู้นำยูเครนถล่มนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐในสมัยประธานาธิบดีโอบามาที่ประกาศเป็นคู่แข่งลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับประธานาธิบดีทรัมป์

ขณะที่ประเทศไทยน่าจะมีการใช้ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด หรือ เสธ. ไก่อู อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ปล่อยเฟกนิวส์ใส่ร้ายพรรคตรงข้ามรัฐบาล โดยมีพยานเป็นถึงรองอธิบดีและผู้บริหารหลายคน และยังมีหลักฐานที่ชัดเจน ควรจะต้องถูกถอดถอนด้วยหรือไม่ ซึ่งน่าจะต้องมีคำสั่งให้อธิบดีพักราชการ ทั้งนี้เพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง ตามหนังสือร้องเรียนของพรรคการเมืองที่ได้รับผลกระทบ

ทั้งนี้ ตลอดเวลากว่า 5 ปี ที่ผ่านมารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ได้สร้างปัญหาให้กับประเทศอย่างมากมายมาโดยตลอด ดังนั้นจึงอยากให้คนรุ่นใหม่ของไทยได้เอาแบบอย่าง เด็กหญิงนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน เกรตา ธันเบิร์ก ที่ไปพูดที่ยูเอ็น และอยากให้ตั้งคำถามไปยังพลเอกประยุทธ์ว่า กล้าดีอย่างไรที่จะส่งต่อประเทศเละแบบนี้ ถึงกับเอาอนาคตของคนรุ่นใหม่ไทยไปทำลายอย่างป่นปี้ ทั้งประเทศที่กำลังล้าหลังตามโลกไม่ทันถึงขนาดที่พลเอกประยุทธ์ภูมิใจเพียงเพราะใช้กูเกิลเป็น ทั้งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาโดยตลอดและยังจะย่ำแย่ต่อไปอีก ทั้งสังคมที่เสื่อมทรามขนาดคนมีประวัติเกี่ยวข้องยาเสพติดยังเป็นรัฐมนตรีได้ และ ทั้งการเมืองที่ล้มเหลวจากรัฐธรรมนูญที่เขียนไว้เพื่อพวกตนเองไม่ใช่เพื่อประชาชน ซึ่งน่าจะต้องเป็นคนรุ่นใหม่แล้วที่จะต้องตัดสินใจในอนาคตของประเทศนี้ และคงเป็นที่มีมาของ แฮชแท็ก #PrayuthGetOut ที่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :