ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเจ้าหน้าที่จำเป็นใช้มาตรการดูแลผู้ชุมนุมตามหลักสากล ขอสื่อนำเสนอข่าว 2 ด้าน อย่าเสนอข่าวแต่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมข้างเดียว ชี้ใครทำผิดกฏหมายต้องดำเนินการ ขณะยืนยันปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี ดูตามความเหมาะสม ขอเลิกพูดเรื่องสัดส่วน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึง การชุมนุมวานนี้(28 ก.พ.2564) ว่าทุกคนเห็นอยู่แล้วว่า เป็นการชุมนุมรุนแรง ดังนั้นก็ขอให้สื่อเสนอข่าวทั้งสองทาง ไม่ใช่บางสื่อเสนอข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงแต่เพียงข้างเดียว แต่ภาพอีกฝ่ายไม่ออกเลย ซึ่งบ้านเมืองจะอยู่แบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นจึงขอร้องไปยังสื่อทุกสื่อ และได้ติดตามข่าวสารอยู่ตลอดเวลา ว่าทำไมออกข่าวแต่เพียงข้างเดียว ว่าตำรวจใช้ความรุนแรง 

“ท่านไม่ดูก่อนหน้า ที่จะเกิดการชุมนุม มีความรุนแรงเกิดขึ้น แรกๆ ก็โอเคเป็นไปตามปกติของเขา ท่านก็รู้อยู่แล้ว ว่าเขาพูดจาอะไร ก็เป็นเรื่องเขาทำถูกทำผิด ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า การชุมนุมที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีการบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ของตำรวจ และบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ที่มีการหวงห้าม แล้วมีการใช้กำลังทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ เขาจำเป็นต้องมีการใช้มาตรการเป็นไปตามหลักสากล ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราจะอยู่อย่างไรในประเทศชาติบ้านเมือง ก็ขอให้นึกถึงบ้านเมืองเป็นหลักด้วย

นายกรัฐมนตรี ยังขอสื่อต่างๆ ตนขอร้อง เพราะบังคับสื่อไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะอย่างไรให้บ้านเมืองมีความสงบ ทุกคนเคารพกฎหมาย ที่เป็นไปตามกฎหมายของบ้านเมืองก็เท่านั้นเอง 

พร้อมกันนี้ ยังย้ำว่า ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตยแบบใดก็ตามต้องมีกฎหมายเพียงแค่นั้น ขณะเดียวกันก็มีการปฏิบัติดูแลคุ้มครองสิทธิในการสู้คดีอะไรต่างๆ โดยยืนยันว่าไม่ได้ละเมิดอะไรผู้ชุมนุม แต่หากผู้ชุมนุมละเมิดกฎหมายก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการ

ดังนั้นขอให้เห็นใจต้องให้พี่ตำรวจบ้างที่ทำงานหนัก อดทนและยังได้รับความรุนแรงที่เกิดขึ้นจนทำให้บาดเจ็บเสียหาย ซึ่งการทำลายข้าวของและทรัพย์สินราชการทำได้หรือไม่ หากเป็นการชุมนุมโดยสงบก็ว่ากันไปซึ่งการชุมนุมสงบหรือไม่สงบ กฎหมายจะเป็นตัวตัดสินอยู่แล้ว


ปรับ ครม.เป็นอำนาจนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยถึงรายละเอียดการปรับคณะรัฐมนตรี จะมีการเสนอมา และนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาในภาพรวม ซึ่งเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว ทั้งหมดขอให้เป็นเรื่องของการเมือง ซึ่งวันนี้ได้มีการพูดคุยกับ หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 2 ท่าน ทั้งในเรื่องของการทำงานและขอความร่วมมือให้บ้านเมืองเดินหน้าไปให้ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไร เรื่องการเมืองได้พูดคุยกันไปแล้วไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ส่วนจะเป็นการปรับใหญ่หรือปรับแค่ 3 ตำแหน่งที่ว่างนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ก็ต้องไปดูอีกที ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร ทุกอย่างยังเป็นไปตามเดิม ขอให้เลิกพูดเรื่องสัดส่วน ตนในฐานะนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการเอง 

ส่วนจะถึงขั้นสลับกระทรวงหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ยังคิดอยู่ ถามแล้วถามอีก ถามให้เป็นเรื่องจนได้ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวติดตลกในช่วงท้ายกับสื่อมวลชนว่า ไม่ต้องไปถามแอบถามรองนายกรัฐมนตรีอีก เพราะได้คุยกันหมดแล้ว คุยกันหลายเรื่อง การเมืองเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน ตนไม่มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น

ส่วนจะให้สิทธิ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ดำเนินในส่วนของการเมืองใช่หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกพรรคก็ประชุมกัน หากจะมีการปรับก็จะมีการเสนอมา ตนก็จะดูความเหมาะสม ซึ่งเป็นสิทธิ์ของนายกรัฐมนตรี 

ซึ่งก่อนจะเดินกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า นายกรัฐมนตรี ได้ชี้ไปที่อนุทิน ชาญวีรกูล พร้อมกล่าวว่า เดี๋ยวก็ไปแอบถามกันอีกให้เป็นเรื่องเป็นราว คิดเหมือนกันพูดตรงกัน


ย้ำให้ฉีดวัคซีนโควิดเมื่อไรก็พร้อม

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความพร้อมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดไปแล้วไม่เห็นเป็นอะไรและแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องของที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ในส่วนของตนยังต้องรอเหมือนที่แพทย์บอกก่อนหน้านี้ เพราะมีวัคซีนหลานส่วนด้วยกันทั้งในเชิงพาณิชย์ วัคซีนในส่วนของโคแวกซ์ก็มี ต้องเคลียร์ให้เรียบร้อย ตนก็พร้อมจะฉีดให้ตนฉีดเมื่อใดก็เมื่อนั้น 

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า อะไรที่เป็นเรื่องเล็กน้อยขออย่าตีหรือกระพือขึ้นมาทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่น ตนคิดว่ารัฐบาลได้ทำอย่างเต็มที่ให้ประชาชน ด้วยขีดความสามารถที่เรามีอยู่ ของทุกกระทรวง ทุกงบประมาณให้ดีที่สุด เชื่อว่าทุกอย่างจะค่อยๆ ปลดไปเรื่อยๆ ถ้าวัคซีนแก้ปัญหาได้ก็จะยิ่งดีขึ้น แล้วทำไม่เราจะเอาอะไรที่มันเป็นไม่ใช่สาระสำคัญมาทำให้บ้านเมืองมันเดินไปไม่ได้ ขอร้องกันแค่นั้น


ข่าวที่เกี่ยวข้อง :