ไม่พบผลการค้นหา
นายกฯ ขอทุกคนร่วมมือแก้ฝุ่นละออง PM 2.5 ระบุพบ 1,700 โรงงานเสี่ยงปล่อยฝุ่นละออง สั่งหยุดปรับปรุงกว่า 600 แห่ง ส่วนแผนระยะยาวเตรียมปรับมาตรฐานค่าฝุ่นละอองเหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ลั่นไม่โทษใคร รัฐบาลต้องแก้ไข

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นละออง PM 2.5 และ PM 10 ว่า ในช่วงนี้เป็นช่วงของการหารือเพื่อแก้ไขปัญหา ซึ่งที่ผ่านมามีหลายมาตรการที่ตนได้เห็นถึงความร่วมมือร่วมใจในทุกภาคส่วน ซึ่งในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมหากมีความจำเป็น ก็จะปิดโรงงานในช่วงเวลาที่ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐาน ทั้งนี้ได้มีการเข้าไปตรวจสอบโรงงานอุตสากรรมแล้วทั้งหมดกว่าแสนโรง

ซึ่งพบโรงงานที่มี่ความเสี่ยงราว 1700 แห่ง และได้มีการสั่งให้หยุดดำเนินการกว่า 600แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรงงานที่ต้องต้มน้ำด้วยความร้อน จึงต้องใช้ทั้งแก๊สและถ่านหิน ซึ่งวันนี้จะต้องเข้าไปควบคุมให้ได้มากที่สุด. ขออย่ามองเรื่องการฉีดน้ำเป็นเรื่องตลก แต่อยากให้มองว่าเป็นการช่วยเหลือระหว่างประชาชนด้วยกัน ซึ่งก็มีส่วนทำให้ฝุ่นละอองขนาดอื่นลดลง ไม่ใช่แค่ ฉีดน้ำเพื่อลด PM 2.5 เพียงอย่างเดียวคิดแบบนี้ตลกไปหรือไม่

ส่วนตัวไม่เคยคิดแบบนั้น อย่างน้อยก็เพิ่มความชุ่มชื้นและให้ฝุ่นละอองขนาดใหญ่ตกลงมา ส่วนภาคการเกษตรก็ร่วมมือได้โดยการงดเผาในที่โล่ง ซึ่งที่ทุกคนร่วมมือกันอยู่ตอนความร่วมมือที่ดียิ่ง เป็นแบบอย่างของคนไทย แต่เราก็ไม่ทิ้งหลักการสากลเช่นกัน

ส่วนมาตรการปิดโรงเรียน นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ตนเป็นห่วง สุขภาพของเด็กเนื่องจากมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าผู้ใหญ่ และจากข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า PM 2.5 มีผลต่อร่างกายในระยะยาว จึงต้องมีมาตรฐานดูแลคนทุกกลุ่ม ได้ทยอยแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้แล้ว เช่น การแจกหน้ากากอนามัย ทั้งนี้หากใครพอมีกำลังทรัพย์ก็ให้ร่วมกันบริจาคหน้ากากอนามัย ซึ่งมีทั้งภาพและศิลปินดาราที่ร่วมกันบริจาค

ส่วนการผลิตอุปกรณ์ลดฝุ่นละออง ก็ไม่ได้หวังเพียงลด PM 2.5 เท่านั้น แต่หวังที่จะลดฝุ่นทุกรูปแบบ เพราะ PM 2.5 มีขนาดเล็กมากและส่วนใหญ่มาจากการจราจรถึงร้อยละ 50 โดยในวันนี้ได้แก้ไขปัญหากับรถ ขสมก. แล้วกว่า 2,000 คัน จนทำให้ค่าฝุ่นละอองลดต่ำลง ไม่ถึง 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทั้งนี้ในรถประเภทอื่นก็ยังคงต้องแก้ไข ทั้งหม้อกรอง ใส้กรองอากาศและระบบน้ำมัน

โดยขณะนี้มีรถที่ต้องหยุดวิ่งมากพอสมควรก็ต้องหารถมาทดแทน ซึ่งหากให้ความสำคัญเช่นนี้ก็จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ แต่ถ้าทุกคนให้ร้ายกันก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ดังนั้น วันนี้ต้องขอความร่วมมือทุกคนตรวจสภาพรถที่ใช้น้ำมันดีเซล แม้ตรวจสอบรถของตนเองแล้วไม่มีค่าเกินมาตรฐานแต่เมื่อจอดติดบนถนนเป็นเวลานานก็จะปล่อยฝุ่นละอองออกมาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับมาตราการในระยะยาวจะปรับบลดมาตรฐานค่าฝุ่นละอองในอากาศจาก 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เหลือ 35 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งแนวคิดนี้รัฐบาลคิดและเตรียมมาตั้งแต่ปีที่แล้ว อยู่ระหว่างเตรียมการ จึงอยากสร้างการรับรู้เพื่อให้ร่วมกันแก้ไขปัญหา รัฐบาลสั่ง คิดและใช้กฎหมายแก้ปัญหาไม่ได้ ตราบใดที่ทุกคนยังไม่ร่วมมือกัน

ทั้งนี้ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีกำลังพูดถึงเรื่องฝุ่นละอองได้นำเครื่องวัดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศขึ้นมาวัดในห้องแถลงข่าวด้วย พบว่ามีค่าฝุ่นละอองไม่เกิน 30 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ดังนั้นต้องช่วยกันดูแลเอาใจใส่สุขภาพตนเองอย่าตื่นตระหนก อย่างไรก็ตามปัญหาฝุ่นละอองตนไม่โทษใคร และเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องพยายามแก้ไข ตนเชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเอาจริงเอาจังเช่นนี้

ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าจะมีมาตรการลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้ามีอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้ยังติดอยู่ที่แบตเตอรี่มีราคาแพง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าหนึ่งคันมีมูลค่าเป็นแสนเป็นล้าน ซึ่งจะต้องได้รับการพัฒนาต่อไป เพิ่งจะผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น จะเห็นว่าขณะนี้ราคาเริ่มถูกลงรวมถึงเริ่มมีการผลิตในประเทศไทย ถือเป็นการเตรียมการสู่อนาคต

ข่าวที่เกี่ยวข้อง