ไม่พบผลการค้นหา
ขยับทั้ง 'กองทัพ' จากอาฟเตอร์ช็อกโฆษณา 'ลาซาด้า' ผลพวง 'นารา เอฟเฟกต์' เริ่มจาก “บิ๊กบี้”พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ที่ขยับแรง 'บอยคอต' ลาซาด้า ถึงขั้นสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการ ทบ. เมื่อวันที่ 9 พ.ค. ที่ผ่านมา ให้หน่วยทหารทั่วประเทศงดสั่งสินค้าจากลาซาด้า

โดยอ้างถึงความหมิ่นเหม่พาดพิงบุคคลและเป็นการล้อเลียนลักษณะทางร่างกายที่เกิดจากความเจ็บป่วยในโฆษณา จึงเป็นที่มาของการแถลงการณ์ขออภัยต่อสังคม 

พร้อมออก “หนังสือคำสั่ง” ด่วนที่สุด ส่งถึงหน่วยงานภายใต้สังกัด บก.ทบ.ทั่วประเทศ โดยข้อความในหนังสือตอนหนึ่งระบุว่า ไม่อนุญาตให้มีการส่งสินค้าจากแพลตฟอร์มของบริษัทดังกล่าว ในพื้นที่ บก.ทบ. และหน่วยทหารของ ทบ. รวมทั้งห้ามทุกหน่วยทหารหรือกิจการใดๆ ของ ทบ. ใช้บริการสั่งสินค้า จากแพลตฟอร์มของบริษัทดังกล่าว หากมีการตรวจพบการกระทำผิดต่อกรณีดังกล่าว จะถือว่าเป็นความบกพร่องของ ผบ.หน่วย 

เรียกว่ามี “บทลงโทษ-การคาดโทษ” ชัดเจน ไม่ได้เป็นเพียง “แนวนโยบาย” แต่เป็น “คำสั่ง” ที่ต้องปฏิบัติตาม

เฉลิมพล ณรงค์พันธ์ ผู้นำเหล้าทัพ ทหาร กองทัพ -B358-ABD1A5F7B89D.jpeg

ทำให้ “เหล่าทัพ” อื่นๆ ต้องทยอยออกมา “แสดงจุดยืน” ด้วย ซึ่งพบว่ามีท่าทีที่ “ซอฟต์” กว่า โดยให้กำลังพลใช้ “วิจารณญาณ” ในการเลือกใช้บริการและการเสพโฆษณาเท่านั้น แต่ยังไม่ถึงขั้นสั่งห้ามหน่วยทหารใช้บริการแบบ ทบ.

โดยแต่ละเหล่าทัพ “ระมัดระวัง” การใช้ถ้อยคำต่างๆ ในการแสดงจุดยืนครั้งนี้ แต่สำหรับ บก.กองทัพไทย ในฐานะหน่วยงานที่คุมเหล่าทัพทั้งหมด ได้ใช้ถ้อยคำที่ชัดเจนและตรงไปตรงมา

“บิ๊กแก้ว”พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด ย้ำจุดยืนกองทัพปกป้อง เทิดทูนสถาบัน ไม่ยอมให้กลุ่มบุคคลใดล่วงเกินสถาบันสูงสุดของประเทศโดยเด็ดขาด พร้อมกำชับกำลังพลให้อยู่ใน “จริยธรรมทหาร” ยึดมั่น “ชาติ ศาสน์ กษัตริย์” ดำรงความสำคัญความเป็นชาติไทย

ณรงค์พันธ์ ผบทบ  กองทัพบก ทหาร  5-3932D38597DF.jpeg

สำหรับแอ็คชั่นของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ กับ พล.อ.เฉลิมพล มีความสำคัญอย่างมาก เพราะทั้งคู่ต่างเป็น “ทหารคอแดง”

เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เริ่มต้นขึ้น จึงทำให้ ผบ.เหล่าทัพ คนอื่นๆ แสดงจุดยืนตามมา และจบท้ายที่ พล.อ.เฉลิมพล ที่ขมวดปมทั้งหมด

ผ่านมากว่า 1 ปี ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ เลี่ยงพบและปฏิเสธให้สัมภาษณ์สื่อ เพราะมองว่าสื่อชอบถามเรื่องการเมือง

น่าสนใจว่าหลัง พล.อ.ณรงค์พันธ์ แอคชั่นครั้งนี้ออกไป ได้กลับมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึง “จุดยืน-ท่าที” ของกองทัพ โดยย้ำว่าเป็นหน้าที่ของกองทัพตามรัฐธรรมนูญในการปกป้องสถาบัน ขออย่าก้าวล่วงเสรีภาพ ลามปาม ดูหมิ่น เหยียดหยาม “คนมีลักษณะพิการ” เพราะเป็นหลักกฎหมายสากล หากใครละเมิดก็ต้องรับผิดชอบการกระทำ

พร้อมย้ำว่าเป็นการทำหน้าที่ ไม่ใช่ “การปราม” โดยให้ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ผ่านการทำหน้าที่ขององค์กรต่างๆ ก่อนทิ้งท้ายว่า เบี่ยงเบนร่างกายได้ แต่อย่าเบี่ยงเบนจิตใจ ขอให้ทำจิตใจให้สูง

ณรงค์พันธ์ ผบทบ  กองทัพบก ทหาร DFA7ED632.jpeg

น่าสนใจว่าเมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ถูกถามถึงว่าถ้าในอนาคตมีลักษณะการกระทำที่หมิ่นเหม่อย่างนี้ จะออมาอยู่แถวหน้าในการปกป้องอีกหรือไม่ โดย พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวว่า “เราทุกคนมีหน้าที่ ที่จะต้องทำ ตามหน้าที่บทบาทของตนเอง ทุกคน ทุกองค์กร”

ซึ่งจุดนี้เองมีการมองว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ กำลัง “ส่งสัญญาณ” ไปยังหน่วยงานอื่นๆหรือไม่ หลังตัวเองได้ “แอ็คชั่น” ครั้งนี้ออกมาแล้ว เพื่อให้องค์กรที่เกี่ยวข้องบังคับใช้ “กฎหมายปกติ” ตามที่มีอำนาจ 

ซึ่งเป็นห้วงเวลาเดียวที่ “รัฐบาล” ขยับเช่นกัน หลังทอดเวลาดูทางลมมาหลายวัน เริ่มจาก “กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม” ที่สั่งเก็บหลักฐานเอาผิด และส่งเรื่องให้ศาลพิจารณาปิดกั้นเว็ปไซด์ที่เผยแพร่โฆษณาดังกล่าว

นอกจากนี้ยังสั่งให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เรียกสอบ “ลาซาด้า” ตาม พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 จะเข้าข่ายขัด มาตรา 22 หรือไม่ ในการสนับสนุนโดยตรงหรือโดยอ้อมให้มีการกระทำผิดกฎหมาย ศีลธรรม เสื่อมเสียในวัฒนธรรมของชาติ ข้อความที่จะทำให้เกิดความแตกแยกเสื่อมเสียความสามัคคีในหมู่ประชาชน

อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมาในรั้ว ทบ. มีกระแสข่าวเก้าอี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ สั่นคลอน ในตำแหน่ง ผบ.ทบ. ก่อนเกษียณฯก.ย. 2566 จะโดนโยกออก ทบ. ไปเป็น “ปลัดกลาโหม” หรือ “ผบ.ทหารสูงสุด” หรือไม่ แต่สุดท้ายก็ยังเป็นเพียงกระแสข่าวเท่านั้น เพราะต้นปี 2566 จะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จะครบวาระ 4 ปี มี.ค. 2566 นั่นเอง จากนั้นจะเกิดการเลือกตั้งขึ้น 

เจริญชัย หินเธาว์ 9-9C97-EF2B93D40885.jpeg

(พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.23))

สำหรับแคนดิเดต ผบ.ทบ. คนต่อไป ที่มีชื่อเต็งหนึ่งคือ “บิ๊กต่อ” พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้ช่วย ผบ.ทบ. (ตท.23) ที่เป็นสายทหารเสือฯ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ เกษียณฯ ก.ย. 2567 จึงมีการมองว่าจะมีการดัน พล.อ.เจริญชัย ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. เลยหรือไม่ แต่สุดท้ายกระแสข่าวก็นิ่งเงียบไป ซึ่งที่ผ่านมาในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น รมว.กลาโหม ก็ไม่ได้ “ล้วงลูกโผทหาร” โดยพิจารณาตามที่เหล่าทัพเสนอขึ้นมา

ช่วงที่มีกระแสข่าวสั่นคลอนเก้าอี้ ผบ.ทบ. สะพัด มาพร้อมการ “วัดพลัง” ของ ตท.27-28 ในการแต่งตั้งโยกย้ายโผนายพลกลางปี ช่วง ก.พ.-มี.ค.ที่ผ่านมา

ซึ่ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ ก็เลือกที่จะไม่ขยับตำแหน่งหลักใดๆ โดย “ยื้อเวลา” ไปโผโยกย้ายปลายปีนี้แทน ที่จะมีการพิจารณาช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้

ที่สำคัญโผโยกย้ายนายพลปลายปีนี้ อาจเป็น “โผส่งท้าย” ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในการจัดทัพใหญ่ ก่อนครบวาระของรัฐบาลและสภาฯ ในเดือน มี.ค. 2566 ด้วย

รวมทั้งสถานการณ์ช่วง “โค้งสุดท้าย” ของ รบ.ประยุทธ์ 2 ก็มีการออกทำนายการเมืองของบรรดา “นักการเมือง-หมอดู” ที่มองว่าสถานการณ์ในอนาคตอาจวุ่นวายและนำมาซึ่งการทำ “ปฏิวัติ-รัฐประหาร” อีกครั้ง

โดยเรื่องนี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ชี้แจงว่า “ไม่มีหรอกนะ ยืนยันจุดยืนอุดมการณ์ เพื่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน” ซึ่งคำตอบของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ไม่แตกต่างจากเมื่อ 2 ปีก่อน หลังขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

“โอกาสของการทำเรื่องพวกนี้ทุกอย่างศูนย์ เพียงแต่บนพื้นฐาน อย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด สร้างเงื่อนไขและสร้างปัญหาที่รุนแรงที่กระทบต่อความเดือดร้อน ตามที่ ผบ.ทหารสูงสุด ตอบไปแล้ว ว่าทหารไม่มีความคิดเรื่องพวกนี้ ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันสร้างสรรค์ในสิ่งเหล่านี้ ช่วยกันขจัดเงื่อนไขต่างๆให้ติดลบ ไม่ใช่แค่ศูนย์ โดยขจัดเงื่อนไขเหล่านี้ให้หมดไปจากประเทศไทย” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวเมื่อ 6 ต.ค. 2563

“4 อย่างที่อยู่ในใจตนคือสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ผมทำทุกอย่างเพื่อรักษาความมั่นคงของ 4 อย่างนี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ กล่าวเมื่อ 6 ต.ค. 2563

แต่ด้วยบริบททางการเมืองและความคิดความอ่านของคนในสังคม ช่วง 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รวมทั้ง “แอ็คชั่น” ของ ผบ.เหล่าทัพ ครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกๆที่ โดยเฉพาะ พล.อ.ณรงค์พันธ์ แสดงออกอย่างชัดเจน แม้ว่าการออกมาของ ผบ.เหล่าทัพครั้งนี้ ไม่ได้ “ยืนแผง” ร่วมกัน แต่ได้ “ส่งสัญญาณ” ร่วมกัน ทำให้มีการวิจารย์ว่าเป็นการ “ปฏิวัติเงียบ?” ที่ไม่ได้ “ล้มรัฐบาล” แต่เป็นการ “ขยับในที่ตั้ง” จาก “เหล่าทัพ” ที่สะกิด “รัฐบาล-องค์กร” ขยับตัวเอง ในการต่อสู้กับ “ขั้วตรงข้าม” นั่นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง