ไม่พบผลการค้นหา
'จิรายุ' ยัน 'สุดารัตน์' ยังไม่ทิ้งประธานยุทธศาสตร์พรรค พท. รับอยู่พรรคเดียวกันมีกระทบกันบ้างเป็นปกติ ยังตอบอนาคตไม่ได้ตั้งพรรคใหม่ เชื่อไม่กระทบการอภิปรายงบฯ ย้ำยังไม่เคาะแคนดิเดตนายกฯ หลังยื่นซักฟอก

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส. กรุงเทพฯ พรรคเพื่อไทย ได้ให้สัมภาษณ์ รายการ wake up news ทางสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ถึงกรแสข่าวคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ จะลาออกจากการประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ว่า เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมามีการเปลี่ยนภายในพรรคเพื่อไทย กรรมการบริหารชุดเดิม และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็ได้ทำศึกการเลือกตั้งที่ผ่านประสบความสำเร็จ หลังจากนั้นก็บริหารกิจการภายในพรรคอย่างราบรื่นมาตลอด แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องธรรมดาขององค์กรใหญ่ที่จะต้องมีคนชอบกันไม่ชอบกัน แต่จุดร่วมคือ เราจะต้องทำงานเพื่อประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ แม้จะไม่ได้เป็นรัฐบาลแต่ก็สามารถตรวจสอบรัฐบาลได้ ฉะนั้นข่าวลือว่า คุณหญิงสุดารัตน์ จะลาออกมีมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมีข่าว ส่วนในความเป็นจริงคุณหญิงสุดารัตน์ได้ให้คนมาขนของที่มีคนนำมาสวัสดีปีใหม่เท่านั้น ส่วนการยื่นลาออกเป็นเรื่องที่ต้องยื่นกับกรรมการบริหารพรรค ซึ่งยังไม่มีการยื่น คำถามต่อมาคือ แล้วทำไมจึงเกิดข่าวเช่นนี้ 

“เมื่อวาน (6 ม.ค.) ผมอยู่บ้านคุณหญิงสุดารัตน์ ถึงเที่ยงคืน ก็ได้คุยกับท่านว่า พวกผมให้กำลังใจ ไม่ใช่เฉพาะแต่ ส.ส. กรุงเทพฯ ส.ส.อีสาน เหนือ กลาง ใต้ และผู้สมัครทุกคนเข้าใจว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยทำงานมาอย่างดี และพอมาถึงช่วคุณหญิงสุดารัตน์ ท่านก็ทำงานเรียกได้ว่า ถ้าคนเป็นคุณหญิง หมายถึงว่า เป็นสุภาพสตรี มาทำงานขนาดนี้ ผมถือว่าทำงานมากว่าผู้ชายบางคนนะครับ ที่บางคนก็ใช้แค่ปากทำงาน” นายจิรายุ กล่าว

เมื่อถามว่า ตอนนี้ยอมรับใช่ไหมว่า พรรคเพื่อไทยก็ไม่เป็นเอกภาพร้อยเปอร์เช็นต์ แต่ก็ไม่แตกกันจนถึงขั้นต้องมาไล่คุณหญิงสุดารัตน์ ออก นายจิรายุ ระบุว่า เมื่อดูประวัติศาสตร์ของพรรคไทยรักไทย ก็เป็นลักษณะนี้คือ เหมือนคนที่อยู่ในบ้านเดียวกันก็อาจจะมีหงุดหงิดบ้าง น้อยใจบ้าง แต่ก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน และที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นภาวะที่ถึงขึ้นว่าหัวหน้าพรรคประกาศลาออก ประธานยุทธศาสตร์ประกาศลาออก 

เมื่อถามว่า มีความจำเป็นอะไรที่ต้องเปลี่ยนแปลงประธานยุทธศาสตร์ ในช่วงเวลานี้ นายจิรายุ ตอบว่า จะเปลี่ยนทำไม ในเมื่อที่ผ่านมาคุณหญิงสุดารัตน์ก็ทำงานได้อย่างดีแล้ว ส่วนผู้ใหญ่อีกหลายท่านที่เข้ามาร่วมด้วยช่วยกันก็ถือว่าเป็นนิมิตมายที่ดี อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็มีความรู้ความสามารถในการอภิปราย ก็ได้วางตัวบุคคลในการทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ จึงทำให้สงสัยว่า คนที่ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกมาไม่รักพรรคแล้วหรือ หรือต้องการการทำงานแบบไหนก็ควรชูโมเดลขึ้นมา

ยังไม่บอกอนาคตตั้งพรรคใหม่

ถามย้ำว่า ถ้าให้คุณหญิงสุดารัตน์ ลาออกแล้วตั้งพรรคการเมืองใหม่เลยดีหรือไม่ นายจิรายุ ตอบว่า ไม่สามารถพูดถึงอนาคตได้ เพราะเพิ่งผ่านการเลือกตั้งมาไม่นาน การตั้งพรรคใหม่ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดในเวลานี้ได้ สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าข่าวลือนี้ คือเรื่องการอภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่กำลังจะมาถึงในสัปดาห์นี้มากกว่า 

ส่วนกรณีที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรมีระบุฝ่ายค้านยังไม่ตกผลึก เพราะตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่นิ่ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่พร้อมของพรรคเพื่อไทยในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายจิรายุ ตอบว่า โดยหลักการ และมารยาททางการเมือง นายสมศักดิ์ไม่ควรพูดเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องในบ้านคนอื่นเขา  

“ถ้าผมเป็นคุณสมศักดิ์ ผมไม่พูดเช่นนั้น คือมันเป็นเรื่องบ้านคนอื่นเขา และผมก็ไม่เคยไปยุ่งเรื่องในบ้านคุณสมศักดิ์ เรื่องนี้โดยมารยาททางการเมืองพวกเราจะไม่พูดกัน อีกอย่างคือ เรามองบ้านเราเองตลอด อย่างผมเองมีลูกมีภรรยา วันดี คืนดี ภรรยาผมก็งี่เง่าผมก็รำคาญ แต่ผมก็ยังอยู่ด้วยกัน วันต่อมาเขาก็ขอโทษ แล้วก็ทำงานร่วมกัน มันเป็นเรื่องปกติ โดยหลักของการทำพรรคการเมือง ทุกคนมีแนวคิดเหมือนกันหมดเพียงแต่วิธีการเดินไปสู่เป้าหมายมันอาจจะเดินสดุดขากันบ้าง แต่สุดท้ายแล้วก็คือ พวก เพื่อน และพรรค ฉะนั้นผมไม่ให้ราคากับพรรคพลังประชารัฐที่เขามายุ่งเรื่องของพรรคเพื่อไทย”

ปัดปมร้าวชง 'ชัยเกษม' เป็นนายกฯในบัญชีแนบท้ายซักฟอก

เมื่อถามต่อว่า ข่าวในลักษณะนี้จะมีผลต่อการอภิปรายงบประมาณ และการอภิปรายไม่วางใจหรือไม่ นายจิรายุกล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกันเพราะการลงมติทางวิปฯ ก็จะมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน ใครจะโหวตสวน จะเป็นงูเห่าก็จะได้เห็นกันชัดๆ ในครั้งนี้

ส่วนกรณีที่มีการเสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม เป็นรายชื่อแนบท้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น จนทำให้คุณหญิงสุดารัตน์รู้สึกไม่พอใจเป็นเรื่องจริงหรือไม่ นายจิรายุตอบว่า ไม่จริง เพราะเมื่อวานนี้เพิ่งมีการสรุปร่างญัตติว่าจะมีการเสนอรายชื่อ เพราะในการอภิปรายไม่ไว้วางจะเราจะต้องมีการเสนอรายชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งเวลานี้ยังไม่มีการเสนอรายชื่อ และเรื่องนี้จะสามารถตอบได้ในสัปดาห์หน้า เพราะตอนนี้จะต้องโฟกัสที่การอภิปรายงบประมาณ 

เมื่อถามต่อว่า การอภิปรายงบประมาณนั้นเป็นอำนาจเต็มของ ร.ต.อ.เฉลิม หรือไม่ นายจิรายุ ตอบว่า ไม่ใช่อำนาจของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นอำนาจเต็มของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซึ่งมีองค์อีกหลายท่าน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง