อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 นัดส่งตัว นางกาญจนาภา, นายวันชัย หงษ์เหิน และนายมานพ ทิวารี ให้ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลางดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย หลังจาก ที่ก่อนหน้านี้ ผู้ต้องหาทั้งสามไม่เดินทางมาอัยการเพื่อรับฟังคำสั่งของอัยการตามนัดหมาย โดยอ้างเหตุด้านสุขภาพ และส่งทนายมาเลื่อนรับฟังคำสั่ง

สำหรับผู้ต้องหาทั้งสามถูกกล่าวหาว่าสมคบฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน จากการรับเช็ค จำนวน 26 ล้านบาท ที่มาจากการกระทำความผิด ซึ่งเป็นกรณีสืบเนื่องจากปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กลุ่มกฤษดามหานคร โดยคณะทำงาน พิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหา ทั้งสามคน ฐานสมคบกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงินจำนวน 26 ล้านบาท ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 60, พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับที่ 5 พ.ศ. 2558 มาตรา10 ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 , 91 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญาฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 มาตรา 4 

เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาทั้งสามคนไม่เดินทางมาศาล โดยนายมานพ ได้มอบหมายให้ทนายความมาแจ้งขอเลื่อนต่อพนักงานอัยการ เนื่องจากติดภารกิจอยู่ที่ เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี พร้อมแนบตั๋วเครื่องบิน มาเป็นหลักฐาน ซึ่งอัยการพิจารณาแล้ว มีเหตุผลรับฟังเพียงพอ จึงอนุญาตให้เลื่อนฟังคำสั่งก่อนส่งฟ้องต่อศาล อีกครั้งในวันที่ 29 พ.ย. 2561 

ทั้งนี้ในหนังสือตอบกลับของอัยการได้กำชับให้ผู้ต้องหา มารายงานตัวตามกำหนดและขอให้เตรียมหลักประกันให้พร้อม โดยจะไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหาขอเลื่อนอีก

ส่วนกรณีของนายวันชัยและนางกาญจนาภา หงษ์เหิน ไม่ได้มาตามนัด และอัยการไม่สามารถติดต่อได้ สำนักงานอัยการพิเศษ 4 จึงแจ้งกลับไปยัง DSI ให้ไปดำเนินการนำตัวทั้งสองมาส่งอัยการเพื่อให้ได้ตัวมาฟ้อง ส่วนจะมีการออกหมายจับหรือไม่ เป็นขั้นตอนต่อไปที่ดีเอสไอจะพิจารณา 

ทั้งนี้ นายประยุทธ ไม่ได้ตอบคำถาม กรณีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องอีก 159 ที่ มีการกระทำในลักษณะเดียวกันและใกล้หมดอายุความที่เหลือ โดยระบุว่าไม่ได้เตรียมข้อมูลในส่วนดังกล่าวมา