เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอเนื้อหาที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อใช้วิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป แสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา
Korea Times สื่อของเกาหลีใต้ พบความเคลื่อนไหวของ 2 เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐเกาหลีเหนือ ที่เปิดบัญชีทวิตเตอร์เพื่อใช้เป็น ช่องทางการสื่อสารผ่านโลกออนไลน์สู่ประชาคมโลก โดยบัญชีของเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือ 2 ราย คือ คิมมยองอิล (@korea_myongil) ผู้ซึ่งระบุว่า เป็นผู้อำนวยการคณะกรรมการรวมชาติอย่างสันติ และ ฮันซองอิล (@korea_songil) ระบุว่าดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสถาบันรวมชาติในเกาหลีเหนือ โดยจากการตรวจสอบทั้งสองเริ่มใช้งานทวิตเตอร์เมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งสองมักทวีตข้อความในรูปแบบ 3 ภาษาทั้งอังกฤษ เกาหลี และญี่ปุ่น โดยมีเนื้อหาพูดถึงข่าวสารความเคลื่อนไหวเชิงบวกในเกาหลีเหนือ
ข้อความแรกที่ฮันซองอิล ทวีต ระบุว่า "ต้องการให้พื้นที่นี้มีส่วนช่วยสื่อสารข่าวเชิงบวกในเกาหลีเหนือ และรวมสัมพันธ์ระหว่างสองเกาหลี รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมไปสู่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในทุกพื้นที่" เช่นเดียวกับเมื่อ 7 พ.ย. เขาได้โพสต์ภาพแม่น้ำโพทองซึ่งไหลผ่านกรุงเปียงยาง หลังจากผ่านการปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่อย่างสวยงาม
">The image of Pothong River is undergoing radical changes as time passes and this is pleasing the citizens. I think it will turn out to be one of the beautiful scenery 80-day campaign creates. pic.twitter.com/CbSHCW28qp
— 한성일 (@korea_songil) November 6, 2020
ขณะที่คิมมยองอิล ซึ่งทวีตข้อความล่าสุดเมื่อ 13 พ.ย. ระบุถึง กฎหมายต่อต้านการสูบบุหรี่ที่รัฐบาลเปียงยางเพิ่งบังคับใช้ โดยเขาตั้งใจเลิกสูบบุหรี่เพื่อตัวเองและสิ่งแวดล้อมที่สะอาดขึ้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าที่ผ่านมาเกาหลีเหนือมีบัญชีทวิตเตอร์สำหรับสื่อสารสู่ชาวโลกหลายบัญชี ส่วนใหญ่เป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลเปียงยาง แต่ไม่เคยปรากฏแน่ชัดมาก่อนว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐบาลใช้ทวิตเตอร์ด้วยตัวเอง โดยก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือเคยเปิดบัญชียูทูบ ที่ใช้ชื่อว่า 'Echo of Truth' ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่เกาหลีเหนือใช้โฆษณาชวนเชื่อสู่ประชาคมโลก
ด้านอันชานอิล ผู้อำนวยการศูนย์เกาหลีเหนือศึกษา ให้ความเห็นว่า บัญชีทวิตเตอร์ของชาวเกาหลีเหนือทั้งสองน่าจะเป็นผู้ใช้จริง โดยทั้งคู่อาจถูกรัฐบาลเกาหลีเหนือเลือกให้ทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ เพื่อหวังปรับภาพลักษณ์เชิงบวกผ่านโลกออนไลน์
ที่มา : Korea Time, ABC