ณ บาร์ของโรงแรมแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของเมืองเกตาม่า จังหวัดอัลฮอเคม่า นักท่องเที่ยวเยอรมันวัย 57 ปี กำลังสบายใจที่เธอไม่จำเป็นต้องปิดบังการม้วนกัญชาสูบอีกต่อไป ซึ่งทำให้เธอรู้สึกตกหลุมรักประเทศโมร็อกโกแบบหมดใจ หลังจากได้สัมผัสกับคุณภาพของกัญชา และความเป็นมิตรของผู้คน

นอกเหนือจากสิ่งทอ เครื่องหนัง และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ดูเหมือนกัญชาจะมาทำหน้าที่กระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหม่ให้กับประเทศโมร็อกโก เพราะสภาพภูมิอากาศอันแสนวิเศษ ส่งผลให้ไม่มีอะไรเจริญเติบโตได้ดีเท่ากับกัญชาอีกแล้ว นั่นเป็นเหตุผลหลักที่ทางภาคเหนือกลายเป็นศูนย์กลางการผลิตกัญชาที่สำคัญ สำหรับส่งออกไปขายยังทวีปยุโรป และยังช่วยให้เห็นการเจริญเติบโตในทิศทางอื่น เช่น การหลั่งไหลเข้า-ออกของนักท่องเที่ยวที่มุ่งหน้าไปหาความสุขตามท้องถิ่น

ขณะเดียวกัน กฎหมายของประเทศโมร็อกโกยังคงประกาศห้ามขาย ห้ามครอบครอง และห้ามเสพกัญชา แต่ดูเหมือนจะไม่สามารถหยุดยั้งความกระตือรือร้นของเกษตรกรลงได้ ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศโมร็อกโกมีการเพาะปลูกกัญชาบนผืนป่าขนาดใหญ่ ท่ามกลางผู้อยู่อาศัยกว่า 90,000 ครัวเรือน

ทัวร์วัฒนธรรมกัญชาท้องถิ่น

การสูบกัญชาในประเทศโมร็อกโกถูกมองเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่ของรัฐส่วนใหญ่ยอมรับได้ โดยเมืองเกตาม่าเคยเป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรมเกี่ยวกับกัญชามาแล้วหลายครั้ง ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวหลายพันคนต่อปี ส่วนใหญ่มาจากทวีปยุโรป และเมืองอื่น ๆ ของประเทศโมร็อกโก

ด้าน ‘บีทริกซ์’ เป็นหนึ่งในผู้จัดเทศกาล ‘Bombola Ganja’ เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปาร์ตี้สระว่ายน้ำของชุมนุมนักดูดปุ๊น โดยในโปสเตอร์บนอีเวนต์เฟซบุ๊กมีภาพใบกัญชาปรากฏให้เห็นอยู่เด่นชัด เพื่อเรียกร้องให้กัญชาถูกนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์อย่างถูกกฎหมาย

ที่ผ่านมา โมร็อกโกถูกจดจำในฐานะประเทศแห่งกัญชามาตั้งแต่ปี 1960 เมื่อกัญชากลายเป็นที่นิยมในกลุ่มฮิปปี้ผู้มองหาชีวิตล่องลอยไร้จุดหมาย และในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หนังสือแนะนำนักท่องเที่ยวต่างยืนยันตรงว่า โมร็อกโกเป็นประเทศยาเสพติดที่ควรหลีกเลี่ยง

 ‘โมฮาเหม็ด แอบเบาท์’ นักกิจกรรมท้องถิ่นกล่าวว่า "การขยายตัวของวัฒนธรรมกัญชาไปยังเมืองอื่น ๆ ทางภาคเหนือของประเทศโมร็อกโกเป็นส่วนหนึ่งของความผิดพลาดที่ทำให้กลุ่มนักท่องเที่ยวลดลง”

อย่างไรก็ตาม กัญชายังช่วยให้เมือง ‘เชฟชาอูน’ ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงกว่า 100 กิโลเมตร ได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว โดยผู้ประกอบการทัวร์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งกล่าวว่า เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาสูบกัญชาเป็นหนุ่มสาวจากประเทศสเปน แต่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวไม่สูบกัญชาก็เดินทางเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ใหม่ และชื่นชมเมืองสีฟ้าด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน

ในเมือง ‘เชฟชาอูน’ ทางตอนเหนือของประเทศโมร็อกโก ตามตรอกซอกซอยแคบ ๆ เรียงรายไปด้วยบ้านสีฟ้าลักษณะโดดเด่น และเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่โด่งดังมากด้านการผลิตกัญชา โดยตัวแทนจำหน่ายกัญชารายย่อยจะมีคู่มือที่ไม่ได้รับอนุญาตส่งมอบให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งภายในนำเสนอกัญชาคุณภาพดี ไปจนถึงการนำเที่ยวชมฟาร์มกัญชาในละแวกใกล้เคียง เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้พบกับความตื่นเต้นของทัวร์วัฒนธรรมกัญชาท้องถิ่น

เยือนแหล่งเพาะปลูกกัญชา

บรรดาเกสเฮ้าส์ในเมืองเชฟชาอูนล้วนแอบเสนอบริการที่คล้ายคลึงกัน คือการทัวร์ฟาร์มเพาะปลูกกัญชา สนนราคาอยู่ที่ 15 ยูโร หรือประมาณ 600 บาท แก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการแสวงหาความสุขจากการเสพกัญชา แม้พวกเขาจะ���้องระมัดระวังการพูดเรื่องโบรชัวร์ทัวร์ก็ตามที

ขณะเดียวกัน บนระเบียงของร้านกาแฟท้องถิ่นแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในเขตยุทธศาสตร์ ‘โมฮาเหม็ด’ ตัวแทนขายทัวร์ได้ทำการโชว์กัญชาก้อนใหญ่แก่นักท่องเที่ยว พร้อมเสนอการเยี่ยมชมภาคสนาม เพื่อศึกษากระบวนการเพาะปลูกกัญชาแบบท้องถิ่น และหลังจากรวบรวมกลุ่มนักท่องเที่ยวเสร็จเรียบร้อย เขาจะพานักท่องเที่ยวเดินทางไปยังหมู่บ้านใกล้เคียง ซึ่งเป็นเขตปลูกกัญชาชั้นดีของประเทศ

นักท่องเที่ยวจะได้ไปยืนอยู่ท่ามกลางทุ่งกัญชา ซึ่งมีพื้นที่เพาะปลูกปกคลุมเนินเขาไปไกลสุดสายตา โดยไกด์จะช่วยชี้แนะให้เห็นกัญชาหลากหลายสายพันธุ์ที่เกษตรกรเพาะปลูก ก่อนนำไปแปรรูปเป็นผลึกคริสตัลสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol) ที่ช่วยให้ผู้เสพรู้สึกเคลิบเคลิ้ม

การเพาะปลูกกัญชาในประเทศโมร็อกโกส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์เม็กซิกัน อัฟกานิสถาน และเบลเดีย โดยเกษตรกรในพื้นที่จะนำเข้าเมล็ดพันธุ์ เพื่อสร้างความมั่นใจในคุณภาพของกัญชา และปริมาณการเก็บเกี่ยว

"ที่นี่คุณสามารถสูบกัญชาตรงไหนก็ได้ที่คุณต้องการ แต่ยกเว้นหน้าสถานีตำรวจ" โมฮาเหม็ดกล่าว

ที่มา AFP