ไม่พบผลการค้นหา
การท่่าเรือแห่งประเทศไทยเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน 21 ราย 8 ประเทศ 'โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3' ส่วนของท่าเทียบเรือ F เป้าหมายรองรับตู้สินค้าได้อย่างน้อย 4 ล้านที.อี.ยู.ต่อปีื อายุสัมปทาน 35 ปี คาดขายซองภายในเดือนนี้-ลงนามทำสัญญาภายใน มี.ค. 2562

ร.ต.ต.มนตรี ฤกษ์จำเนียร ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) รักษาการแทน ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) เปิดเผยว่า กทท. ได้จัดการรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชนสำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ครั้งที่ 2) ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เพื่อให้การดำเนินโครงการฯ มีความครบถ้วนตามขั้นตอนในประกาศสำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก และการจัดทำร่างเอกสารประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารการคัดเลือกเอกชน และเอกสารร่างสัญญาร่วมลงทุนมีความสมบูรณ์ ก่อนประกาศขายเอกสารอย่างเป็นทางการ 

สำหรับการสัมมนาฯ ครั้งนี้ ได้รับความสนใจจากกลุ่มเอกชนในรูปแบบของนิติบุคคลรายเดียวและนิติบุคคลรวมกลุ่ม จำนวนทั้งสิ้น 21 ราย จาก 8 ประเทศ ณ โรงแรมแมริออท เดอะสุรวงศ์ กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F เป็นหนึ่งในโครงการเร่งด่วนของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่ กทท. จะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนเป็นลำดับแรก

โครงการท่าเทียบเรือ F เป็นท่าเทียบเรือตู้สินค้า มีความยาวหน้าท่ารวม 2,000 เมตร ประกอบด้วยท่าเทียบเรือตู้สินค้า F1 และ F2 มีความยาวหน้าท่าๆ ละ 1,000 เมตร สามารถรองรับปริมาณตู้สินค้าได้อย่างน้อย 4 ล้านที.อี.ยู.ต่อปี มีระยะเวลาสัมปทาน 35 ปี นับถัดจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน 

อย่างไรก็ดี คาดว่า กทท. จะส่งมอบพื้นที่ให้เอกชนคู่สัญญาได้ภายในปี 2564 โดยเอกชนคู่สัญญาจะต้องดำเนินการออกแบบและก่อสร้างท่า F1 และ F2 พร้อมจัดหาอุปกรณ์ให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการภายในระยะเวลา 2 ปี และ 6 ปี ตามลำดับ นับถัดจากวันที่ กทท. มีหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน สำหรับท่าเทียบเรือ E และท่าเทียบเรือ E0 จะเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในภายหลัง

ทั้งนี้ คณะกรรมการเฉพาะกิจเพื่อบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) และคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ได้เห็นชอบหลักการโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F และกรอบการกู้เงินลงทุนของโครงการฯ เรียบร้อยแล้ว และได้ผ่านมติคณะรัฐมนตรี ในวันที่ 30 ต.ค. 2561 โดยคาดว่าจะเริ่มประกาศเชิญชวนและขายเอกสารการคัดเลือกเอกชนได้ภายในเดือน ต.ค. 2561 และคาดว่าจะลงนามในสัญญาได้ในเดือน มี.ค. 2562

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :