ไม่พบผลการค้นหา
นายกรัฐมนตรีแจงจัดงบฯ 63 สอดคล้องสภาพเศรษฐกิจ รับมือความผันผวนเศรษฐกิจโลก ยืนยันงบความมั่นคงกว่า 4 แสนล้าน มีความจำเป็น เพื่อรักษาความสงบ รับมือภัยคุกคามทุกรูปแบบ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (17 ต.ค.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2563 

โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชี้แจงว่ารัฐบาลได้จัดทำงบประมาณวงเงินวงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท โดย การจัดทำงบประมาณในครั้งนี้คำนึงถึงยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทการพัฒนาตั้งแต่ปี 2561-2580 และคำนึงถึงการพัฒนาประเทศไปสู่การพัฒนาที่มั่นคงยั่งยืนทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ตลอดจนดูแลและเตรียมพร้อมในการรับมือกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลก

เพราะในช่วงครึ่งปีหลังเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงจากมาตรการกีดกันทางการค้า รัฐบาลจึงต้องบริหารเงินคงคลังให้เหมาะสม โดยมีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้ เป็นประเทศที่ประชากรมีรายได้สูงขึ้น พร้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการจัดทำงบประมาณ ซึ่งเศรษฐกิจในปี 2563 คาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 3.0 ถึง 4.0 โดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐที่ขยายตัวตามการเร่งเบิกจ่าย โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และการใช้จ่ายภาครัฐและภาคครัวเรือนขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

นายกรัฐมนตรียังได้ชี้แจงงบประมาณด้าน ความมั่นคง ที่จัดสรร 428,190.6 ล้านบาท คิดเป็นวงเงิน ร้อยละ 13.4 ของบประมาณ โดยแบ่ง ตามแผนงานเช่น ยุทธศาสตร์ เสริมสร้างความมั่นคง สถาบันหลักของชาติ 5,351.9 ล้านบาท งบประมาณด้านรักษาความสงบภายในประเทศ 34,774.2 ล้านบาท งบประมาณแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ 10,865.5 ล้านบาท ซึ่งงบประมาณในส่วนนี้ใช้เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในสังคมพหุวัฒนธรรมและเสริมสร้างศักยภาพพื้นที่จังหวัด โดยน้อมนำศาสตร์พระราชาเป็นกรอบแนวทางดำเนินงานให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี

ขณะเดียวกันยังจัดสรรงบประมาณพัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ 88,718.4 ล้านบาท เพื่อเสริมสร้าง และพัฒนาระบบป้องกันประเทศให้มีความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกรูปแบบและปรับปรุงสวัสดิการของกำลังพลทุกระดับให้มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้น รวมทั้งยังจัดสรรงบประมาณแก้ไขปัญหาที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงและจำนวน15,324.4 ล้านบาท 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ายังได้จัดสรรงบ ประมาณตามยุทธศาสตร์ ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันโดยใช้งบประมาณ 380,803.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.9 ของวงเงินงบประมาณ โดยใช้เพื่อการสร้างมูลค่าสินค้าเกษตร และพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ตลอดจนพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์ และพัฒนาศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรม

อย่างไรก็ตามในการจัดทำงบประมาณครั้งนี้ มีการจัดสรรงบประมาณ เป็นค่าดำเนินการภาครัฐ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงบประจำเช่นเงินเดือนข้าราชการ 431,336.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13.5 ของวงเงินงบประมาณ และจัดสรรงบประมาณด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารการจัดการภาครัฐวงเงิน 504,689.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 15.8 ของวงเงินงบประมาณ

ในช่วงท้ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงการกันวงเงินหนี้ไว้ต่ำ เพราะวันหน้าจะต้องมีการลงทุนขึ้นอีก ซึ่งหากภาครัฐไปกู้ก็ต้องเป็นหนี้ จึงต้องให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนด้วยในบางโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงการ EEC ซึ่งเงินลงทุน 3 แสนล้าน รัฐไม่เอาไปลงทุนหมด เอกชนและประชาชนต้องร่วมมือ รัฐบาลต้องจัดหาที่ดิน สิทธิประโยชน์ให้เอกชน แต่หากรัฐไม่ทำ จะไม่มีใครมาลงทุน แต่ถ้ารัฐทำเองเงินก็ไม่เพียงพอ ดังนั้นต้องช่วยตนหาเงินด้วย และไปทำความเข้าใจกับประชาชนด้วย เพราะเงินทั้งหมดกว่า 90% มาจากภาษีประชาชน

ยืนยันตนพร้อมตอบคำถาม ส.ส.และรัฐมนตรี การพิจารณาวันนี้เป็นเพียงวาระแรก แต่ยังมีวาระ 2 ดังนั้นจึงอยากขอร้องอย่าไปดูเพียงยอดวงเงินของกระทรวง แต่ต้องไปดูรายบะเอียดว่ามีขั้นตอนการทำงานอย่างไรทั้งหมด ตัวเลข 3.2 ล้านล้านบาท โดยทำเป็นงบรายจ่ายประจำ งบกลาง งบลงทุน ต้องไปดูทำไมแต่ละกระทรวงงบประมาณมากน้อยต่างกัน 

พร้อมยกตัวอย่าง กระทรวงศึกษาธิการ ที่งบน้อยลง เพราะไปเพิ่มในส่วนของกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาตร์ วิจัยและนวัตกรรม ขณะที่กระทรวงกลาโหม ให้ไปดูรายละเอียดว่าชื้ออาวุธมากน้อยเพียงใด การใช้งบประมาณที่ผ่านมาใช้อย่างไร ซึ่งหวังเป็นอย่างยิ่งกว่า ที่ประชุมสภาแห่งนี้ เห็นชอบร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ซึ่งรัฐบาลจะยืดถือเป็นหลัก ในการใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศและประชาชน ส่วนการตรวจสอบทุจริต เป็นอีกเรื่องที่จะต้องตรวจสอบ

ซึ่งมีองค์กรต่างๆ คอยตรวจสอบอยู่แล้ว 5 ปีที่ผ่านมา ตนก็โดนตรวจสอบตลอด ดังนั้นขอให้เข้าใจ ตนไม่เคยทำเพื่อใคร เพราะเวลาลงพื้นที่ เวลาเห็นสายตาประชาชนทำให้จุกคอ ที่เห็นประชาชนลำบาก ไม่มีที่ทำกินและไม่รู้จะทำอาชีพอะไร และคนเหล่านี้มีจำนวนมาก อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัตทั้งสิ้น จึงต้องดูแล ซึ่งรัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำและต้องใช้งบประมาณ โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม ที่ท่วมเป็นประจำ และไม่มีวันจบ 

ทั้งนี้ หลังชี้แจงงบประมาณเสร็จ ได้ขออนุญาตที่ประชุมไปพักคอ และจะฟังอภิปรายอยู่ด้านหลังบันลังก์ โดยดูผ่านขอมอนิเตอร์ และพูดติดตลก ว่า ใครจะมาผม มาก็เชิญ


อ่านเพิ่มเติม