ไม่พบผลการค้นหา
รสนา โตสิตระกูล ชี้ 5 แกนนำพธม. ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกคดียึดทำเนียบ “คือวิถีของนักรบไม่ใช่ชะตากรรมของผู้แพ้”

กรณีศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกในคดียึดทำเนียบรัฐบาล 5 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) 8 เดือน ไม่รอลงอาญา โดยมีประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี

น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีต ส.ว.กรุงเทพฯ และอดีตสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ระบุว่า

“นี่คือวิถีของนักรบไม่ใช่ชะตากรรมของผู้แพ้”

เช้าวันนี้ไปให้กำลังใจ 6 แกนนำพันธมิตร ที่ศาลอาญา แม้จะคาดหวังว่าทั้งหมดอาจจะได้ลดโทษหรือรอลงอาญา แต่เมื่อศาลฎีกายืนคำสั่งตามศาลอุทธรณ์ จำคุก 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา ทุกคนก็น้อมรับคำพิพากษา

อย่างไรก็ตาม ดิฉันก็อดรู้สึกสะเทือนใจไม่ได้ เมื่อได้ฟังลุงจำลองพูดด้วยหน้าตายิ้มแย้มว่า “ผมเคยติดคุกหลายครั้ง แต่แค่ 2-3 วัน ครั้งนี้นานที่สุด แต่ผมก็ภูมิใจที่ศาลอุท���รณ์พิพากษาว่าพวกเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง เป็นการทำเพื่อบ้านเมือง”

ส่วนอาจารย์สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ เดินทักทายจับมือกับผู้มาให้กำลังใจด้วยหน้าตาเบิกบาน บอกทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ได้สูญเสียอิสรภาพอะไร แต่ได้ไปพักผ่อนชั่วคราวเท่านั้น

คุณสนธิ ก็ยังเข้มแข็ง พูดว่า “ผมไม่มีปัญหาอะไร อยู่มา 2 ปีแล้ว ให้ถือว่ามาอยู่โรงเรียนประจำ เพียงแต่ผมเป็นแบบหนัก ส่วนคนที่โดนวันนี้ เป็นโรงเรียนประจำแบบเบา” คุณสนธิพูดว่า “คุณเอาไปเขียนได้นะ ผมว่าสังคมไทยเป็นสังคมขี้ลืม บ้านเมืองจึงเป็นอยู่แบบนี้ วันนั้นถ้าพวกเราไม่ทำ วันนี้บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร คุณต้องอย่าหมดกำลังใจในเหตุการณ์วันนี้ ต้องสู้ต่อไป ถ้าพวกคุณไม่สู้ ผมอยู่ในนี้ผมจะอยู่อย่างไร”

ก่อนที่แกนนำทั้ง 6 จะถูกพาตัวไปเรือนจำ เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษคนหนึ่งได้กล่าวให้กำลังใจประชาชนที่มาให้กำลังใจแกนนำที่กำลังเศร้าเสียใจว่า “สถานที่พี่ๆ จะไปอยู่เป็นเพียงสถานที่ควบคุมกักขังได้แค่กายของท่านเหล่านี้เท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะกักขังอุดมการณ์ของท่านเหล่านี้ได้” ทุกคนในห้องปรบมือให้สนั่นกับคำพูดนี้

มวลชนบางคนในที่นั้น พูดขึ้นมาว่า ”นี่คือวิถีของนักรบ”

ดิฉันเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้นว่า “นี่คือ วิถีของนักรบ ไม่ใช่ชะตากรรมของผู้แพ้”