ไม่พบผลการค้นหา
'สมคิด' ชูการเมืองสายกลาง ยืดหยุ่น-ยุติขัดแย้ง แนะรัฐบาลสร้างความเข้มแข็งจากภายใน ก้าวแรกคือกระจายอำนาจ-งบประมาณ ขณะอุบเงียบ ปมรับแคนดิเดตนายกฯ 'พรรคสร้างอนาคตไทย' หรือไม่ โบกมือให้นักข่าว บอก "วันนี้ไม่พูดเรื่องการเมือง

วันที่ 15 พ.ค. 2565 ที่โรงแรมรามา การ์เดน เขตหลักสี่ มูลนิธิสัมมาชีพ จัดเวที Leadership for Change (LFC) 12 หลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 12 โดยมี นพ.ประเวศ วะสี นักวิชาการด้านสาธารณสุข และด้านการศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา มูลนิธิสัมมาชีพกิตติมศักดิ์ และ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา มูลนิธิสัมมาชีพ

F202C540-37C5-4513-8190-0DB237EF1130.jpeg

นพ.ประเวศ วะสี นักวิชาการด้านสาธารณสุข และด้านการศึกษา ในฐานะประธานคณะกรรมการที่ปรึกษา มูลนิธิสัมมาชีพกิตติมศักดิ์ กล่าวว่า มูลนิธิสัมมาชีพถูกก่อตั้งด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างไทยให้เป็นแผ่นดินศานติสุข ด้วยความเชื่อว่าหากมีสัมมาชีพเกิดขึ้นทั่วแผ่นดินแล้ว ก็สามารถพัฒนาได้ในหลายมิติ ทั้งการเมือง หรือเศรษฐกิจ ในหลายพื้นที่เต็มไปด้วยความชั่วร้าย เช่น อาชญกรรม ยาเสพติด ซึ่งเนื่องมาจากความยากจน มูลนิธิสัมมาชีพจึงมุ่งสนับสนุนให้เกิดรายได้ขึ้นในพื้นที่เหล่านั้น และความชั่วร้ายก็หมดไป

ทั้งนี้ มูลนิธิสัมมาชีพได้สร้างอาสาสมัครเพื่อช่วยสนับสนุนงานของนายอำเภอในจังหวัดต่างๆ โดยจะสามารถเป็นใครเข้ามาทำก็ได้ เพราะมูลนิธิไม่เล่นการเมือง เป็นกลาง ไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อใคร ยึดถือแนวคิดทางสายกลาง แต่อาสาสมัครต้องมีคุณสมบัติเป็นผู้นำ มีปัญญา และทักษะในการสื่อสาร จำนวนหมู่บ้านละ 5 คน เพื่อเชื่อมโยงจากระดับชุมชนไปสู่ระดับประเทศ ด้วยแนวคิดทางสายกลางนี้เอง ทำให้มูลนิธิฯ กลายเป็นหน่วยงานที่เชื่อมประสานได้กับทุกฝ่าย ชนิดที่รัฐบาลก็ไม่สามารถทำได้ 

LINE_ALBUM_220515_9.jpg

จากนั้น สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ 'สัมมาชีพกับประเทศไทย หัวใจในการขับเคลื่อนประเทศ' โดย สมคิด ได้ระบุถึงข้อห่วงใยต่อสถานการณ์ขณะนี้ โลกที่เราเผชิญอยู่มีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ 

"เมฆหมอกแห่งความไม่แน่นอนนั้น หนาขึ้นทุกวันๆ จนแทบจะจินตนาการอนาคตข้างหน้าไม่ออก เพื่อความไม่ประมาท เราจึงต้องเตรียมตัว โดยเฉพาะผู้มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง" สมคิด กล่าว

สมคิด ระบุว่า ในสถานการณ์โควิด-19 นั้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก หลายประเทศเริ่มยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ จนกระทั่งปลดโควิด-19 ให้เป็นโรคประจำถิ่น กล่าวคือตัวใครตัวมัน ในอนาคตข้างหน้า ไทยก็จะเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ร่วมกับโรคนี้ ดังนั้น การบริหารจัดการต้องเข้มข้น ตัวเลขที่ประกาศต้องชัดเจน และระบบสาธารณสุขต้องพร้อมรองรับ

LINE_ALBUM_220515_2.jpg

เช่นเดียวกับสงครามความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ที่ยังไม่มีแนวโน้มจะจบลงง่ายๆ โดยยูเครนนั้นเป็นเพียงหมากตัวเดียวบนเกมการเมืองระดับประเทศ ภายใต้ความไม่แน่นอนที่สูงมาก และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจมหาศาล ทำให้ค่าเงินทั่วโลกลอยตัวสูงอย่างน่ากลัว ค่าพลังงานสูงขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏ แต่ความน่าเป็นห่วงที่สุดคือผลกระทบทางสังคม และการเมือง อาจนำไปสู่ความจราจลวุ่นวายเช่นที่เกิดขึ้นในหลายประเทศ เนื่องจากกลุ่มคนยากจนไม่ได้รับการดูแลดีพอ จนถูกนำไปใช้งานทางด้านการเมืองบ

ข้อห่วงใยอีกประการคือประเทศไทยขณะนี้ ซึ่งกำลังเผชิญกับสถานการณ์ไม่ปกติ ไม่อยู่ในการควบคุม ต้องอาศัยการบริหารจัดการโดยมองล่วงหน้า เพื่อใช้รายได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ จึงเป็นสิ่งท้าทายผู้บริหารขณะนี้อย่างยิ่ง นานวันไป ความเปราะบางของการคลังจะยิ่งเพิ่มขึ้น ไม่สามารถใข้การบริหารแบบปกติได้ สถาบันทางการเงินต่างๆ ต้องกล้ามอบข้อเสนอให้แก่ภาคการเมือง เพื่อลดความแปรปรวนต่างในทางเศรษฐกิจ

"ในสถานการณ์ที่ไม่ปกติ เราต้องบริหารจัดการแบบไม่ปกติ ผมไม่อยากพูดว่าวิกฤต พูดแล้วจะขวัญเสีย เรียกเอาว่าเป็นสถานการณ์ที่ต้องมีการบริหารจัดการที่เข้มข้น ต้องดูแล เอาใจใส่ ไม่ใช่เพียงรอฟังจากข้าราชการ ซึ่งถูกคุมเข้มด้วยกฎและระเบียบ"

LINE_ALBUM_220515_8.jpg

สมคิด ได้หยิบยกแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 คือหลัก 'ระเบิดจากภายใน' เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและยืนบนขาของตัวเองได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องเริ่มจากการกระจายอำนาจ ทั้งด้านบริหารและงบประมาณ ไม่ให้กระจุกตัวอยู่ตามกระทรวงหลัก ผู้บริหารต้องอาศัยโอกาสนี้กำจัดกฎเกณฑ์ล้าสมัยที่สร้างข้อจำกัดให้หมดสิ้น มิเช่นนั้นก็ไม่อาจเดินหน้าต่อได้ในภาวะที่ไม่ปกติ อีกทั้งจุดเน้นทางเศรษฐกิจก็ต้องเริ่มจากภายใน อย่าเพียงเน้นส่งออก แต่ต้องเน้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจภายในประเทศมาจุนเจือให้เกิดความสมดุล

สมคิด มองว่า กระทรวงมหาดไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากความรับผิดชอบครอบคลุมกว้างขวาง ตั้งแต่ระดับจังหวัดไปจนถึงตำบล แต่ทัศนคติยังเป็นเชิงปกครอง ควรต้องปรับเปลี่ยนให้เกิดการเชื่อมโยงและหารือ หากไม่มีการกระจายอำนาจ ก็ไม่มีทางสร้างความเข้มแข็งจากฐานรากได้ อีกประการคือ ต้องฟื้นฟูภาพลักษณ์ให้ไทยมีบทบาทและสิทธิเสียงในภูมิภาคอาเซียนยิ่งขึ้น เราจะดีจะชั่ว แข็งแรงหรือไม่ สิ่งที่เขามองเรามา สำคัญที่สุด และเป็นความรับผิดชอบของทุกคน

นอกจากนี้ สมคิด ยังมองว่า การเมืองในอนาคตที่ขัดแย้งแตกแยก น่าจะพังลงไปก่อน เนื่องจากไม่มีใครได้ประโยชน์ และบั่นทอนประเทศชาติ ขณะที่การเมืองทางสายกลาง เน้นความยืดหยุ่น เปิดโอกาสทุกคนให้เข้ามาช่วยแก้สถานการณ์โดยไม่แบ่งฝ่าย น่าจะเป็นทางออกของประเทศได้ ทางสายกลางไม่ใช่ไร้จุดยืน แต่เป็นจุดยืนของชาวพุทธ มุ่งให้คนหาทางออกร่วมกัน การเมืองทางสายกลางน่าจะเป็นแนวทางที่คนทั่วไปสนับสนุน

LINE_ALBUM_220515_1.jpg


อุบเงียบ ปมรับแคนดิเดตนายกฯ 'สร้างอนาคตไทย'

ภายหลังแสดงปาฐกถาในเวที Leadership for Change (LFC) 12 หลักสูตรผู้นำ-นำการเปลี่ยนแปลง รุ่นที่ 12 ขณะเดินออกจากห้องประชุม ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม สมคิด ว่า 'ได้ตอบรับเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคสร้างอนาคตไทยแล้วหรือไม่' 

โดย สมคิด โบกมือปฏิเสธ พร้อมกล่าวว่า “วันนี้ไม่ให้สัมภาษณ์นะครับ” และผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำอีกครั้ง สมคิด ตอบว่า “วันนี้ไม่พูดการเมือง” 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในเวลาประมาณ 13.30 น. หลัง สมคิด เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน ก็ได้ปฏิเสธการให้สัมภาษณ์ประเด็นการเมืองต่อผู้สื่อข่าวเช่นกัน