ไม่พบผลการค้นหา
คำวินิจฉัยของศาลอาญา คดีกบฏ กปปส. ทำเอา 3 รัฐมนตรี ในรัฐบาลต้องกระเด็นตกเก้าอี้กลางอากาศ ไม่มีเวลาแม้แต่เก็บของ

2 คน “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) ศึกษาธิการ กับ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นโควตาพลังประชารัฐ ส่วนอีก 1 ราย คือ ถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ในโควตา ประชาธิปัตย์ 

แรงเหวี่ยง อาฟเตอร์ช็อกจากจากคดีดังกล่าวทำเอาแผ่นดินไหวไปทั้งองคาพยพการเมืองในซีกรัฐบาล

ไล่ตามระดับแรงสะเทือน ในพรรคพลังประชารัฐ มีการเขย่ากันหนักที่สุด นอกจาก กลุ่ม 3 ช. (ช่วย) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน และ สันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง เปิดเกมเขย่า ขออัพเกรดที่นั่งจาก “รัฐมนตรีช่วย” ไปเป็น “รัฐมนตรีว่าการ” 

หากวัดกันตามสูตร คณิตศาสตร์การเมือง บวกมือในสภาฯ ร.อ.ธรรมนัส เป็นต่อที่จะขยับไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการ เพราะโชว์ฟอร์มในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่งัดทฤษฎีกล้วยเลี้ยงลิง กลับมาใช้และได้ผลเกินคาด จนได้คะแนนโหวตไว้วางใจถล่มทลาย ซึ่งมีข่าวว่าจะขอไปเป็น รมว.ดีอีเอส 

ส่วน “นฤมล” ที่ไต่อันดับจากโฆษกรัฐบาล มาสวมบท รมช.แรงงาน ปัจจุบันเดินประะกบไล่ตามหลังเป็นเงาตามตัว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคมากบารมี แต่กลายเป็นว่า “นฤมล” ไม่มีเสียง ส.ส.เป็นกองหนุนทางการเมือง

ธรรมนัส เพื่อไทย สภา อภิปรายไม่ไว้วางใจ-AB33-BDD1724B924B.jpeg

ผิดกับ ร.อ.ธรรมนัส กระนั้นก็ยังหวังสูงจะไปเป็น “รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง” แม้ไม่เป็นตำแหน่ง “ว่าการ” แต่ “ช่วยคลัง” ก็ถือว่าไม่ธรรมดา

สลับกับ “สันติ” หัวหน้าซุ้มการเมืองเพชรบูรณ์ ที่ประกาศว่า “พร้อมมาก” ที่จะขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ ตั้งแต่ก๊วน สี่กุมารพ้นวงโคจรอำนาจ ซึ่งครั้งนั้น ขอเป็น “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” แต่ที่สุดแล้วโควตาก็ถูกเฉือนเป็น โควตากลางของ “พล.อ.ประยุทธ์ แต่คราวนี้ลุ้นใหม่ อาจลงตัวที่ “ศึกษาธิการ” 

การเคลื่อนของกลุ่ม 3 ช. ยังถูกโยงกับ หนังสือลับ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ 90 คน ที่ลงชื่อคัดค้านการตั้ง “คนนอก” มาเป็นรัฐมนตรี ถึง พล.อ.ประวิตร

แต่ปรากฏว่า เกิดรอยแยกเป็น 2 ฝ่าย ที่ทั้งหนุน - ค้าน กับการทำหนังสือดังกล่าว 

ประยุทธ์ หาเสียง พลังประชารัฐ  1EY1FH.jpg

ตามรายงานข่าว มีแกนนำที่ร่วมคิดค้นกลยุทธ์ อ้างชื่อ “หัวหน้าพรรค” เป็นคนสั่ง ทำให้ ส.ส.ในพลังประชารัฐต้องเช็คข่าวกันอุตลุด แต่ปรากฏว่า “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร งัดคำพูดประจำตัว “ผมไม่รู้เรื่องนี้” ทำเอา ส.ส. ในค่าย ไปจนถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ถึงกับควันออกหู 

เพราะหากวัดจากตัวเลข “คณิตศาสตร์การเมือง” ขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ “โควตากลาง” ของนายกฯ ไปแล้วถึง 9เก้าอี้รัฐมนตรี 

1.รองนายกรัฐมนตรี (สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) 2.รองนายกรัฐมนตรี (วิษณุ เครืองาม) 3.รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) 4.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาไทย (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) 

5.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ (ดอน ปรมัตถ์วินัย) 6.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ประยุทธ์) 7.รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม (พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล) 8.รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (สุพัฒนพงษ์) 9. รัฐนนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ)

ดังนั้น ในวันที่ 2 มี.ค.นี้ “พล.อ.ประวิตร” จึงกวักมือลูกหาบในพลังประชารัฐ มาประชุมเคาะชื่อรัฐมนตรี มีแคนดิเดต “กลุ่ม 3 ช.” หรือกลุ่ม 3 รัฐมนตรีช่วย อาจขยับขึ้นเป็น “รัฐมนตรีว่าการ” 1 ตำแหน่ง 

ส่วนกลุ่มอื่นๆ ในพลังประชารัฐที่เริ่มขยับ ปรากฏร่องรอย “วิรัช รัตนเศรษฐ” ประธานวิปรัฐบาล พยายามผลักดัน “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” ส.ส. บัญชีรายชื่อ ขึ้นมาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งในการปรับ ครม.คราวก่อนก็มีชื่อติดโผ

ที่สำคัญ “ชัยวุฒิ” ก็เกาะเกี่ยวกับอดีตรัฐมนตรี กปปส. “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” รมว.ศึกษาธิการและ “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" มาตั้งแต่ชวนเปลี่ยนค่ายจากประชาธิปัตย์ มาอยู่พลังประชารัฐ

ด้านกลุ่ม 3 มิตร กลุ่มพาวเวอร์ฟูลในพลังประชารัฐ ก็ขอใช้สิทธิส่งชื่อ สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี และ บุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เข้าประกวดเป็นรัฐมนตรี 

พลังประชารัฐยังเขย่ากันหนัก

ประชาธิปัตย์

แต่ที่ลุ้นหนักว่าจะถูก “ริบเก้าอี้คืน” หรือไม่ คือ พรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคประชาธิปัตย์ที่มี “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าถูกเขี่ยให้กลายเป็นพรรคอันดับ 3 ไม่มีอัตรากำลังในการต่อรอง จึงต้องเดินเกมขอรักษาเก้าอี้เดิม ในโควตาพรรคให้มากที่สุด 

จึงปรากฏร่องรอยที่ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับภูมิใจไทย ในระดับบ้านใหญ่บุรีรัมย์ จึงรุดไปพบ “อนุทิน ชาญวีรกูล” รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ถึงกระทรวง

ตามเกมพรรคประชาธิปัตย์ กับภูมิใจไทย ขอให้ยึดสัดส่วนโควตา

รัฐมนตรี 7 ส.ส.ต่อ 1 รัฐมนตรี แต่ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังมี 51 ส.ส. ยังมีความเสี่ยงที่จะเสียเก้าอี้ ผลกระทบจากคำตัดสินของศาลอาญาคดีแกนนำ กปปส.ที่อาจทำให้ต้องเลือกตั้งซ่อมในอนาคต แทน  ถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร

ผิดกับภูมิใจไทย ตอนนี้แข็งแกร่งเหลือคณานับ เพราะตอนนี้ภูมิใจไทยปั่นเก้าอี้ ส.ส.ไปถึง 61 ที่นั่งแล้ว อาจได้รับปูนบำเหน็จให้เพิ่มรัฐมนตรี จากเดิมมีรัฐมนตรี 7 คน 8 ตำแหน่ง เป็น 8 คน 9 ตำแหน่ง ก็อาจเป็นได้

ส่วนในรายของพรรคประชาธิปัตย์ อาจถูกลดเก้าอี้ลงเหลือรัฐมนตรีแค่ 6 คน ตามสัดส่วน 7 ส.ส.ต่อ 1 เก้าอี้รัฐมนตรี 

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง