ไม่พบผลการค้นหา
คกก.ตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี 'ทายาทตระกูลดัง' ยืนยัน 'จารุชาติ' เป็นพยานในสำนวนแต่แรก ส่วนสารเสพติดในเลือดไม่ได้มาจากการรักษาฟัน แต่ไม่รู้มาจากไหน ขอเวลาตรวจสอบ

ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ในฐานะประธานคณะกรรมการคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดี 'วรยุทธ อยู่วิทยา' หรือ 'บอส' ทายาทตระตูลดัง ขับรถชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต เมื่อปี 2555 พร้อมด้วยพล.ต.ท.กฤษณะ ทรัพย์เดช จเรตำรวจ และ พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดีแถลงผลการประชุม

พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวว่า การทำงานยึดตามกรอบตรวจสอบความถูกต้อง 3 ช่วง 1.การที่พนักงานสอบสวนดำเนินการจนสั่งฟ้องไปที่พนักงานอัยการในข้อหาขับรถโดยประมาท

2. การสอบเพิ่มเติมตามคำสั่งของอัยการ

3.ความเห็นของ พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ไม่แย้งคำสั่งของอัยการ ขณะนี้ลงลึกรายละเอียดและสามารถชี้แจงบางเรื่องได้แล้ว


ขอเวลาเคลียร์เรื่องโคเคน

กรณีการพบสารโคเคนในเลือดของวรยุทธ มีการตรวจวันที่ 3 ก.ย. 2555 ทราบผล 11 ต.ค. 2555 พบสาร 4 ชนิด มีปัญหา 2 ชนิด แพทย์ยืนยันสารที่ตรวจพบเกิดจากการสลายตัวของโคเคอีนกับแอลกอฮอล์ หรือ 'โคเคนผสมกับแอลกอฮอล์' โดยไม่มีการพบโคเคนโดยตรง

นายวรยุทธ ระบุว่าได้ไปพบทันตแพทย์และมีการให้ยา ซึ่งแพทย์ระบุว่าได้ให้อะม็อกซีซิลลิน 500 มิลลิกรัม

"คุณหมอยืนยันในบันทึกคำให้การชัดเจนไม่มียาเสพติด เพราะฉะนั้นอยากจะเรียนให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง การไปพูดกันอาจจะเกิดการเข้าใจผิด ยาที่หมอให้นายบอส ไม่มีสารยาเสพติด"

พล.ต.อ.ศตวรรษ กล่าวว่า เมื่อเเพทย์ยืนยันว่ายาที่จ่ายให้กับผู้ต้องหาไม่มีสารเสพติดสะสมอยู่ ก็ต้องหาที่มาจากสารทั้งหมดต่อไป ซึ่งคณะกรรมการไม่ชำนาญเรื่องนี้ จึงต้องขอเวลาเพื่อสอบถามกับผู้ชำนาญด้านนี้โดยตรง เพื่อเป็นข้อมูลในการประมวลของคณะกรรมการต่อไป หากพบเป็นสารเสพติดจริงก็เป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการว่าจะฟ้องคดีเพิ่มหรือไม่ 


ย้ำ 'จารุชาติ' พยานตั้งแต่แรก

นอกจากนี้ พล.ต.อ.ศตวรรษ ยืนยันด้วยว่า 'จารุชาติ มาดทอง' หนึ่งในพยานสำคัญในคดีนั้น เป็นพยานที่มีอยู่ในสำนวนการสอบสวนตั้งแต่แรก ส่วนกรณีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ เป็นหน้าที่ของตำรวจในท้องที่ จ.เชียงใหม่จะต้องสอบสวน 

'จารุชาติ' ได้เข้าให้การเป็นพยานตั้งแต่แรก เมื่อปี 2555 โดยให้การว่า ดต.ที่เสียชีวิตเป็นคนขับรถปาดหน้าผู้ต้องหา แต่ไม่ได้ให้การในเรื่องความเร็ว เมื่อมาให้การในครั้งที่ 2 เมื่อปี 2562 จึงมีเรื่องความเร็ว โดยทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้วสั่งฟ้องในคดี 'ขับรถโดยประมาท' และออกหมายจับ แต่ไม่มีเรื่อง 'ความเร็ว' ซึ่งเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทางคณะกรรมการชุดนี้จะพยายาม ดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในกรอบ 15 วัน ตามที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด

อ่านเพิ่มเติม