ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลสหรัฐฯ ประกาศว่าจะระงับงบประมาณสนับสนุน WHO โดยให้เหตุผลว่า WHO ช่วยจีนปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนการแพร่ระบาดจะเกิดขึ้นทั่วโลก

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าววานนี้ (14 เม.ย.) ว่า เขากำลังแนะให้รัฐบาลสหรัฐฯ ระงับการให้งบประมาณสนับสนุนองค์การอนามัยโลก (WHO) โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า กำลังอยู่ในการขั้นตอนทบทวนบทบาท WHO หลังจากประเมินผิดพลาด กระทบการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาและอาจเข้าข่ายปกปิดการแพร่ระบาด

"WHO ปกปิดความโปร่งใสในเรื่องของการแพร่ระบาด และสหรัฐฯ กำลังพิจารณาว่าจะจัดการงบประมาณที่สนับสนุน WHO อย่างไร" ปธน.ทรัมป์กล่าว 

ปัจุบันสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ให้งบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของ WHO มากกว่าปีละ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณ

ทางด้าน อันตอนิอู กูแตร์รีช เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ ออกมาตอบโต้สหรัฐฯว่า 'ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาโต้เถียงกันเรื่องตัดงบประมาณWHO'

ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์เชื่อว่า WHO ตั้งใจปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดในจีนและมีอคติต่อสหรัฐฯ เพื่อช่วยเหลือจีนซึ่งเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ในการให้ข้อมูลเรื่องการแพร่ระบาด

ปธน.ทรัมป์ ยังกล่าวว่า หาก WHO ส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์เข้าไปในจีนเพื่อประเมินการแพร่ระบาดในระยะแรกและเรียกร้องความโปร่งใสในการให้ข้อมูลของจีน การแพร่ระบาดในครั้งนี้ก็อาจจะมีการเสียชีวิตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจะสามารถช่วยชีวิตคนนับได้อีกหลายพันคนรวมไปถึงการป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจทั่วโลกได้มากกว่านี้

ทางด้าน ดร.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยเข้าข้างจีนหรือเลือกปฏิบัติกับประเทศใดประเทศหนึ่ง และเรียกร้องผู้นำประเทศต่างๆ ให้หยุดการโจมตีด้วยประเด็นการเมืองทั้งหลายที่เกี่ยวกับโควิด-19 และช่วยกันรับมือกับสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคนี้ร่วมกัน พร้อมระบุว่าตนเองนั้นถูกโจมตีมาแล้วหลายครั้งช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา มีทั้งการกล่าววาจาล่วงละเมิด เหยียดเชื้อชาติ และถูกขู่ฆ่า แต่ก็ไม่เคยใส่ใจ

ปัจจุบันยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 2,000,000 ราย ขณะที่มีผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาดในครั้งนี้แล้วกว่า 126,604 ราย ซึ่งสหรัฐฯเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากที่สุด โดยมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 613,886 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 26,047 ราย

ที่มา CNN / BBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง