ไม่พบผลการค้นหา
"พ่อน้องเฌอ" ชี้คดีปี 53 เงียบหลังรัฐประหาร ยันทวงความยุติธรรมให้ถึงที่สุด กร้าว! ไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นหลักประกันไม่ให้ทหารฆ่าประชาขนแล้วลอยนวลไปง่ายๆ ด้าน "แม่น้องเกด" ระบุ 19 พ.ค.นี้ เจอกันที่วัดปทุมฯ

นายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดา นายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ที่ถูกยิงเสียชีวิต ระหว่างการสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 พร้อมด้วยภรรยา และนางพะเยาว์ อัคฮาด หรือ "แม่น้องเกด" มารดาพยาบาลอาสาที่เสียชีวิตในวัดปทุมวนารามปี 2553 เดินทางมาที่บริเวณฟุตปาธ ถนนราชปรารภ หรือ ‘หมุดเฌอ’ ซึ่งเป็นจุดที่นายสมาพันธ์ อายุุ 17 ปีในขณะนั้น ถูกยิงเสียชีวิตในช่วงเช้าของวันที่ 15 พ.ค. เมื่อ 10 ปีก่อน 

พ่อน้องเฌอจุดเทียนรำลึก

นายพันธ์ศักดิ์ ได้ขัดทำความสะอาด "หมุดเฌอ" พร้อมวางดอกไม้พวงมาลัย จุดเทียนและอ่านบทกวีรำลึกถึง "น้องเฌอ" ผู้เสียชีวิต ซึ่งบริเวณใกล้เคียงยังมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เดียวกันอีก 2-3 ราย รวมถึง ผู้เสียชีวิตบริเวณนี้ก่อนหน้าในวันที่ 14 พ.ค.รวมถึงมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน โดย นายพันศักดิ์ และนางพะเยาว์ ได้วางพงมาลัย เพื่อรำลึกวีรชนด้วย

พ่อน้องเฌอจุดเทียนรำลึก

นายพันศักดิ์ ระบุว่า คดีของน้องเฌอหยุดชะงักไปตั้งแต่มีการรัฐประหาร 2557 และยืนยันว่า ทางญาติจะต้องตามหาความจริงและเรียกร้องความยุติธรรมต่อไป แม้ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้ความยุติธรรมในช่วงที่บ้านเมืองไม่เป็นประชาธิปไตย แต่จะต้องทวงถามความเป็นธรรม ที่สำคัญคดีนี้มีพยานหลักฐานที่สามารถเอาผิดผู้กระทำผิดได้โดยง่าย หากผู้เกี่ยวข้องไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษไม่ได้ ก็ไม่มีหลักประกันว่าในอนาคต หากประชาชนลุกขึ้นมาชุมนุมทางการเมือง จะถูกทหารยิงให้เสียชีวิตได้โดยไม่ต้องรับผิดชอบ ดังนั้นการทวงถามความเป็นธรรมในเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ในฐานะพ่อที่สูญเสียลูกชายเท่านั้น แต่เกี่ยวข้องกับระบบยุติธรรมและระบบการเมืองไทยที่ควรจะเป็นด้วย

พ่อน้องเฌอจุดเทียนรำลึก

ด้านนางพะเยาว์ ยืนยันว่า ญาติผู้สูญเสียจะทวงถามความเป็นธรรมให้ถึงที่สุด ตรายใดที่ยังมีชีวิตอยู่ อย่างน้อยที่สุดให้สังคมและคนรุ่นใหม่ในประเทศนี้ได้รับรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โดยวันที่ 19 พ.ค.นี้จะไปรำลึกครบรอบ 10 ปีการสูญเสียบุตรสาว ที่วัดปทุมวนารามด้วย

ขณะที่นายอานนท์ นำภา จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึง คดีทหารสังหารหมู่ประชาชนเมื่อปี 2553 จะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม ภายใต้สังคมไทยผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนยังมีอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะยุคที่เป็นรัฐบาลอยู่นี้ เพราะที่ผ่านมาตั้งข้อสังเกตได้ว่ามีความพยายามที่จะไม่ปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามปกติ ซึ่งเป็นเรื่องน่ากังวลที่คดีดังกล่าวมีอายุความ โดยล่วงเลยมาครึ่งทางแล้ว และแม้ญาติผู้สูญเสียจะฟ้องร้องคดีเองได้แต่ถ้าปล่อยให้ กระบวนการยุติธรรมดำเนินการไปตามปกติถูกต้องกว่าให้ญาติผู้สูญเสีย ดำเนินการเอง

อย่างไรก็ตาม การรำลึกถึงเหตุการณ์และทวงถามความเป็นธรรมเพื่อให้สังคมไม่หลงลืมว่าเกิดอะไรขึ้นมีความจำเป็น เหมือนการส่งผ่านความจริงทางสังคมข้ามยุคสมัย เพราะปัจจุบันเห็นชัดว่า คนหนุ่มสาวที่ไม่ได้อยู่ร่วมสมัยหรือผ่านเหตุการณ์ปี 2553 ก็ได้รับรู้และตั้งคำถามบ้างแล้ว

นอกจากนี้นายอานนท์ ยังกล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ของรัฐบาลว่า ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป ที่จะอ้างสถานการณ์โควิด -​19 แพร่ระบาด โดย มองว่า รัฐบาลต้องการคงอำนาจ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อประโยชน์ทางการเมือง เพราะกลัวการชุมนุมขับไล่ของประชาชนเท่านั้นเอง 

พ่อน้องเฌอจุดเทียนรำลึกพ่อน้องเฌอจุดเทียนรำลึก


อ่านเพิ่มเติม