ไม่พบผลการค้นหา
โฆษกพรรคก้าวไกล ซัดนายกฯ ออกแถลงการณ์ส่อนิสัยเผด็จการขี้ขลาดที่ต้องการไล่ล่าจัดการกับประชาชนที่เห็นต่าง เตือนอย่าดันทุรังผลัก ประชาชนให้หมดหนทาง ด้าน 'จตุพร' มองแค่ทำให้ขึงขัง

ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรีว่า เป็นแถลงการณ์ที่เฮงซวยที่สมกับที่ออกมาจากรัฐบาลเฮงซวย แต่ความจริงคือซ่อนความเหี้ยมโหดอำมหิตบิดเบือนความจริงเพียง เพื่อเป็นข้ออ้างในการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จตามถนัดของผู้นำเผด็จการที่ความกลัวกำลังเข้าตา 

แถลงการณ์ฉบับนี้ที่เต็มไปด้วยความขี้ขลาด ตนขอเตือนความจำพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหม ที่ไร้ศักยภาพคนนี้ว่า ท่านเป็นนายกฯ ครั้งแรกจากการรัฐประหาร พูดง่ายๆก็คือเอาปืนไปปล้นเขามาเยี่ยงสันดารโจรกระทำกัน

ณัฐชา ระบุด้วยว่า ขอถามชัดๆ มาตรงนี้เลยว่าจะอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อใช้มาตรา 112 ด้วยใช่หรือไม่ ขอเตือนว่าการนำความจงรักภักดีมาผูกไว้กับความล้มเหลวของรัฐบาลนั่นเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างยิ่งต่่อสถาบันเอง นี่ไม่ใช่ท่าทีของคนที่มีความจริงใจทั้งต่อประชาชนและสถาบันพระมหากษัตริน์เลย แต่เป็นนิสัยของเผด็จการขี้ขลาดที่ต้องการไล่ล่าจัดการกับประชาชน ที่เห็นต่าง คิดต่าง 

"อยากสื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรีรวมถึงองครักษ์ของท่าน อย่าดันทุรังแล้วผลักประชาชนให้หมดหนทางเช่นนี้ สถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งหมดสงบลงได้แค่ท่านลาออก แก้ไขตามกระบวนการที่ฝ่ายค้านและประชาชนเสนอ พวกเราไม่ได้จ้องจะอาฆาตท่านข้อเสนอทั้งหมดที่สื่อสารออกไปเพื่อทางออกประเทศไทย อย่าอ้างตนว่ารักประเทศไทยเพียงผู้เดียว ประชาชนทุกคนต่างรักประเทศไทยและอนาคตของพวกเขา เดินถอยออกไปให้เห็นปัญหาและใช้สัมปชัญญะที่ท่านพอมีแก้ไขปัญหานี้ ดีกว่าการประกาศทำสงครามกับประชาชน" ณัฐชา ระบุ


'จตุพร' มอง 'ประยุทธ์' แค่ทำให้ขึงขัง

จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์มีจุดมุ่งหมายต้องการใช้มาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับสถาบันมาจัดการเอาผิดผู้ชุมนุม  

จตุพร กล่าวว่า เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ออกแถลงการณ์ของนายกฯ ซึ่งสรุปเนื้อหาสำคัญได้ว่า หน่วยความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามหลักสากลเพื่อรักษาความสงบ ความสามัคคีของชาติไว้ แต่สถานการณ์ไม่ดีขึ้น และมีแนวโน้มขยายความขัดแย้งเพิ่ม ดังนั้น ฝ่ายความมั่นคงจะบังคับใช้ กำหมายทุกฉบับและทุกมาตรา  

“ท่านต้องการจะสื่อสารอะไร เพราะหลายเรื่องกลับย้อนแย้งในแถลงการณ์นี้ ผมขอทบทวนความจริงต่างๆจนนำมาสู่สถานการณ์ขณะนี้ เพราะมีหลายองค์กรล้วนมีความเกี่ยวข้องสำคัญทั้งสิ้น ไม่ว่ารัฐบาลและรัฐสภาต้องเป็นด่านหน้าเพื่อไม่ให้กระทบกับสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่พวกท่านกลับหนีเอาตัวรอด” จตุพร กล่าว

อีกทั้ง การประกาศอย่างขึงขังจะใช้ทุกมาตรานั้น รวมความแล้วว่าจะใช้มาตรา 112 แต่มาตรานี้ นายกฯ บอกว่าในหลวง ร.10 ประสงค์ไม่ดำเนินคดีกับใคร หากย้อนอดีตแล้ว มาตรา 112 ถูกนำไปเป็นเครื่องมือแจ้งความขจัดฝ่ายตรงข้ามมาตลอด รวมทั้ง สิ่งที่ไม่ได้อธิบายความว่า ไม่ให้ใครไปฟ้องร้องกันเองได้นั้น แต่สิ่งที่ยังดูอยู่คือ ให้อำนาจอัยการสูงสุดไปฟ้องร้องได้ เพื่อป้องกันคนอื่นใช้ไปทำลายกันอีก 

“เมื่อนายกฯ ประกาศเช่นนี้ จึงหนีตัวเองไม่พ้น เพราะเรื่องทั้งหมดมาจากตัวท่านเอง แต่ที่ผ่านมานายกฯ มีโอกาสมากมาย และการพิจารณาร่างแก้ รธน.ทั้ง 7 ฉบับ เพื่อลดความแตกแยก ความขัดแย้ง ถ้าสภาให้โอกาสรับไปก่อนแล้วสถานการณ์จะคลีคลายตามลำดับ” จตุพร กล่าว

จตุพร กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (18 พ.ย.) หากใช้หลักรัฐศาสตร์ ไม่เพิ่มเงื่อนไข ให้ทุกฉบับร่างแก้ รธน.เข้าสภาก่อน แต่การใช้อารมณ์มาอภิปรายในสิ่งที่เป็นเปลือก เหยียดหยามเรื่องเชื้อชาตินั้น ถ้าต่้องการสู้เรื่องเนื้อหาแล้ว ต้องไม่นำเรื่องเชื้อชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง 

เมื่อทัศนคติเป็นปัญหา และทั้งรัฐบาล-รัฐสภาไม่เป็นแหล่งพักความขัดแย้งไว้ เพื่อให้สถาบันพระมหากษัตริย์ได้รับผลกระทบอย่างน้อยที่สุด แต่ทั้งสองแห่งเอาตัวรอดเรื่องจึงถึงสถาบัน และเหลืออยู่เป้าเดียว 

หากยกตัวอย่างเปรียบเทียบคงเป็นว่า ถ้าใครคิดทำร้ายนายกฯแล้ว หน่วยรักษาความปลอดภัยกลับเอี้ยวตัวหลบ กระสุนจึงไปถึงตัวนายกฯ จะรู้สึกอย่างไร โดยคนพวกนี้ต้องยอมพลีชีพก่อน เพราะเป็นหน่วยรักษาความปลอดภัย ดังนั้น รัฐบาลและรัฐสภาต้องเป็นด่านพักด่านแรกไม่ให้เรื่องไปกระทบระคายเคืองต่อเบื้องยุคลบาท แต่นี้กลับเปล่าเลย แล้วมาทำเป็นขึงขัง ทั้งที่เป็นคนเปิดประตูให้ปัญหาเข้ามากัน ลองทบทวนเรื่องที่เกิดมานั้น เป็นเพราะแต่ละฝ่ายเอาตัวรอดกันหรือเปล่า ถ้าเมื่อวาาน (18 พ.ย.) ผ่านทั้ง 7 ร่างแก้ รธน.แล้วเรื่องจะออกมาอย่างนั้นหรือ แต่นี้เอาตามความรู้สึก ต้องการผลักความขัดแย้งมุ่งสู่สถาบันพระมหากษัตริย์แต่เพียงอย่างเดียว

จตุพร บอกว่า ถ้านายกฯเสียสละคนหนึ่ง อย่างน้อยทำให้สถานการณ์ร้อนได้เย็นลง แม้ไม่เย็นทั้งหมด แต่ได้มีความพยายามระดับหนึ่ง ถ้าแต่ละส่วนทำตามหน้าที่ของตัวเอง บ้านเมืองจะไม่มีสภาพแบบนี้ 

“แถลงการณ์ฉบับนี้ ดูเสมือนหนึ่งว่า เป็นมาตรการเด็ดขาดได้ทำหน้าที่แล้ว ที่ผ่านมาใช้ทุกมาตราตามกฎหมายจนหมดสิ้นแล้ว ตั้งข้อหามากมายอยู่แล้ว แต่แถลงการณ์ฉบับนี้เจตนาจะใช้มาตรา 112 ซึ่งการสร้างความเข้าใจในสถานการณ์นี้ก็มาจากตัวนายกฯเอง” จตุพร ระบุ



ข่าวที่เกี่ยวข้อง