ไม่พบผลการค้นหา
โซเชียลแห่ติดแฮชแท็ก #กราดยิงโคราช ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ช่วยคนติดในห้าง ด้านกรมสุขภาพจิต ร้องขอหยุดการส่งต่อภาพความรุนแรง ขณะที่สมาคมนักข่าวขอรายงานข่าวอย่าสร้างความตื่นตระหนก

จากกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ได้ใช้อาวุธปืนสงคราม กราดยิงผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิตหลายราย พร้อมทั้งใช้รถยนต์ฮัมวี่ สีเขียว (ทหาร) ในการก่อเหตุหลบหนี ก่อนหลบหนีเข้าไปภายในห้างเทอร์มินอล 21 โคราช ซึ่งมีคนติดอยู่ภายในนั้นเป็นจำนวนมาก ในโลกโซเชียล โดยเฉพาะทวิตเตอร์ ติดแฮชแท็ก #กราดยิงโคราช พร้อมกับให้กำลังใจเจ้าหน้าที่จับคนร้ายให้ได้ และให้กำลังใจกับผู้บาดเจ็บ รวมถึงครอบครัวผู้เสียชีวิต

ต่อมากรมสุขภาพจิต ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์@PR_dmhขอความร่วมมือทุกท่าน หยุดการนำเสนอหรือส่งต่อภาพความรุนแรง รวมถึงภาพผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น และยังขอให้ช่วยกันเตือนภัย เฝ้าระวัง และส่งต่อข้อมูลที่มีประโยชน์ในขณะนี้แทนการนำเสนอความรุนแรง พร้อมติดแฮชแท็ก#savekorat นอกจากนี้ ยังมีการขอความร่วมมือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ โปรดอยู่ในบ้าน หลีกเลี่ยงพื้นที่ก่อเหตุ ห้างบิ๊กซีและเทอร์มินอล 21 เนื่องจากเจ้าหน้าที่กำลังเข้าไปช่วยเหลือ เร่งอพยพคนในห้างออกมา ขอให้อยู่กับที่ เพื่อความปลอดภัย หรือแจ้งพิกัดกับตำรวจที่โทร. 191 หรือ สภ.เมืองโคราช 044-242555

ด้านฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ในการให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในปฏิบัติการจับคนร้าย ที่ จ.นครราชสีมา จะได้ลุล่วงด้วยการไม่เผยแพร่แผนปฏิบัติการ ไม่ถ่ายทอดสดการปฏิบัติ ระมัดระวังการสัมภาษณ์ผู้ติดในห้างเทอมินัล21 ซึ่งอาจจะยังตกอยู่ในอันตรายและมีความเสี่ยง ระบุว่า จากกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ ก่อเหตุ ยิ่ง พ.อ.อนันต์ฐโรจน์ กระแส และ นางอนงค์ มิตรจันทร์ เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 3 บ้านถนนหัก ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา ก่อนจะขับรถจี๊ปฮัมวี่แบบทหารหลบหนีเข้าไปในค่าย พร้อมกับก่อเหตุปล้นเอาอาวุธปืนสงครามแบบเอชเค. 33 พร้อมเครื่องกระสุนอีก 40 นัด ในคลังกระสุน และใช้อาวุธปืนยิงพลทหารที่ดูแลคลังกระสุนเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 2 นาย

ก่อนหนีเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 สาขานครราชสีมา ระหว่างทางได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงชาวบ้านผู้บริสุทธ์เสียชีวิตมากว่า 10 รายตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ เปิดเผย แนวปฏิบัติของสื่อมวลชนในสถานการณ์วิกฤต เน้นเฉพาะการปฏิบัติงานของสื่อมวลชนในสถานการณ์ก่อวินาศกรรมหรือก่อการร้าย ผู้ปฏิบัติงานข่าวต้องไม่นำเสนอข่าวหรือภาพข่าวที่เป็นการเปิดเผย ข้อมูล รายละเอียดทางยุทธศาสตร์ หรือยุทธวิธีที่กระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ผู้ปฏิบัติงานข่าวต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความแตกต่างทางการเมือง ศาสนา สังคม วัฒนธรรม และภาษาถิ่น ของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ ผู้ปฏิบัติงานข่าวพึงระมัดระวังการนำเสนอประเด็น ข้อเท็จจริงหรือภาษาที่กระตุ้นให้สถานการณ์ขยายความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

ผู้ปฏิบัติงานข่าวพึงหลีกเลี่ยงการนำเสนอข่าวและการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับต้นเหตุ แรงจูงใจ องค์ประกอบในการก่อวินาศกรรมหรือการก่อการร้าย รวมถึงการขยายขอบเขตในการก่อวินาศกรรมหรือการก่อการร้ายโดยปราศจากข้อมูลหรือการยืนยันจากฝ่ายความมั่นคงของรัฐ อันอาจกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนเป็นเหตุให้เกิดความตื่นตระหนกของประชาชน หรือกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ