ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ ทองคำราคา.com พบว่า ประเทศไทยเปิดตลาด วันที่ 22 มิ.ย. 2563 เวลา 09.30 น.ด้วยราคารับซื้อสำหรับทองคำแท่งที่ 27,550 บาท และราคาขายออกที่ 27,650 บาท นับเป็นการปรับตัวสูงขึ้นถึง 350 บาท เมื่อเทียบกับราคาปิดตลาดของวันก่อน ทั้งนี้ราคาทองยังปรับตัวสูงขึ้นอีก 50 บาท ในการซื้อขายรอบที่สองของวัน เมื่อเวลา 10.21 น.

ฝั่งตลาดโลก ราคาทองปรับตัวขึ้นไปแตะจุดสูงสุดในรอบ 9 ปี เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ณ ราคา 1,842.52 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์ (58,205.21 บาท) ด้วยปัจจัยสำคัญจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนตัว และความรู้สึกของนักลงทุน ภายหลังหภาพยุโรป (อียู) บรรลุข้อตกลงในมาตรการมูลค่า 750,000 แสนล้านยูโร หรือประมาณ 27 ล้านล้านบาท ที่มาจากการขายพันธบัตรร่วมของประเทศในสหภาพฯ 

บาร์ต เมเล็ก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์จาก TD Securities ชี้ว่า ในมิติของการทำกำไร ปัจจัยจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ตกลงต่ำสุดในรอบสี่เดือนที่ผ่านมาจากสถานการณ์โลกที่ดูไม่ดีประกอบกับอัตราดอกเบี้ยที่ลดต่ำลงในสินทรัพย์อื่นๆ ยิ่งกดดันให้ราคาทองสูงขึ้น

ผลสำรวจจากสำนักข่าวรอยเตอร์สะท้อนว่า ราคาทองคำจะขึ้นไปทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ภายใน 18 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตามเมื่อสถานการณ์ทางเศรษฐกิจกลับมามีความมั่นคงมากขึ้น อุปสงค์ที่มีต่อทองมีแนวโน้มจะต่ำลง

ด้านนายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง เปิดเผยกับวอยซ์ออนไลน์ว่า ราคาทองคำที่ขึ้นมาสำหรับประเทศไทยได้รับอานิสงส์ส่วนหนึ่งมาจากราคาทองคำในต่างประเทศ ประกอบกับแนวโน้มสกุลเงินบาทที่อ่อนค่าลงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา มาอยู่ที่ระดับ 31.60 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ วันที่ 22 ก.ค.เวลา 12.00 น.)

ทั้งนี้ ซีอีโอฮั่วเซ่งเฮง ชี้ว่า แม้ราคาทองคำจะขึ้นมาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับประเทศไทย แต่กระแสที่เข้ามาหน้าร้านทองเป็นไปในแง่การเข้ามาซื้อมากกว่าการขายซึ่งอาจสะท้อนว่านักลงทุนยังมองโอกาสในการทำกำไรในช่วงสั้นๆ อยู่ 

ไทยเลือกทองเพราะความชิน 

เมื่อกลับมามองที่สถานการณ์การเก็งกำไรทองในประเทศ นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.ไทยพาณิชย์ ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ประชาชนจะเข้าซื้อทองอย่างต่อเนื่อง แม้แท้จริงแล้วทองอาจจะไม่ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) มากนักในวิกฤตครั้งนี้ เนื่องจากในช่วงแรกของการเกิดโรคระบาดราคาทองคำตกลงเช่นเดียวกัน

นายจิตติพล ย้ำว่า สินทรัพย์ปลอดภัยตามความหมายต้องเป็นสินทรัพย์ที่ราคาไม่ตกลงหรือเพิ่มสูงขึ้นในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤต ซึ่งสิ่งที่ทองเป็นในวิกฤตครั้งนี้ อาจเรียกว่าเป็น 'สินทรัพย์ที่มีความผันผวนน้อย' มากกว่าจะเรียกว่าเป็น 'สินทรัพย์ปลอดภัย' 

นักวิเคราะห์ จาก บล.ไทยพาณิชย์ อธิบายว่า ในมุมมองของนักลงทุนโลก สินทรัพย์ที่พอจะเรียกว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในเวลานี้คือฝั่งสกุลเงินต่างประเทศ อาทิ สกุลเงินเยนญี่ปุ่นหรือฟรังก์สวิส หรือแม้แต่ตราสารหนี้ของจีน

อย่างไรก็ตาม สินทรัพย์เหล่านี้ไม่ได้ถูกประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนไทยคุ้นเคยมากนัก ประกอบกับตลาดในฝั่งเอเชียที่เคยมีประสบการณ์กับวิกฤตการเงินครั้งก่อนที่สกุลเงินในฝั่งเอเชียอ่อนค่าลงไปอย่างมากจนทำให้หลายฝ่ายยังเชื่อฝังใจในทองคำมากกว่า

"คนไทยแค่ถูกทำให้ชินตลอด 20 ปีที่ผ่านมา แล้วไม่มีใครมาร์เก็ตติง(ทำการตลาด)ด้วยว่าถือเงินเยนได้" จิตติพล กล่าว

นายจิตติพล อธิบายเพิ่มว่า เหตุผลว่าทำไมสกุลเงินต่างประเทศ จึงถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับนักลงทุนต่างประเทศ เป็นเพราะในกรณีของญี่ปุ่น นักลงทุนญี่ปุ่นไปลงทุนในต่างชาติเป็นจำนวนมาก เมื่อมีวิกฤตจึงเป็นเหตุผลให้นักลงทุนเหล่านี้ดึงเงินกลับประเทศ ทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้นซึ่งเป็นโมเดลที่เกิดกับสกุลเงินอย่างฟรังก์สวิสเช่่นเดียวกัน

เมื่อมองไปในอนาคต นายจิตติพล ระบุว่า ในระยะใกล้ยังเป็นไปได้ที่ราคาทองโลกจะปรับตัวสูงขึ้นจากการมองว่าสหรัฐฯ ทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารกลางจำเป็นต้องเข้าไปเยียวยาสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น

ถ้ามองระยะไกลราว 6 เดือน ที่เศรษฐกิจอาจเริ่มฟื้นตัว จะขึ้นอยู่กับว่าคนยังอยากถือทองอยู่ไหม เมื่อสถานการณ์กลับไปเป็นปกติกำไรจากฝั่งตลาดหุ้นจะขึ้นมาสูงกว่า และ ณ สถานการณ์ตอนนั้น นักลงทุนก็จะรับความเสี่ยงได้มากขึ้น

อ้างอิง; Bloomberg, WSJ, CNBC, NYT