ไม่พบผลการค้นหา
ฮิวแมนไรท์วอทช์ ชี้ว่าแม้จะมีการจัดการเลือกตั้ง แต่ไทยยังคงไม่มีการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ประเทศต่างๆ จึงยังไม่ควรรีบฟื้นความสัมพันธ์ทางการทูตและธุรกิจกับไทย

ฮิวแมนไรท์วอทช์ (Human Rights Watch) ออกแถลงการณ์วันที่ 22 พฤษภาคม 2562 วิพากษ์วิจารณ์การที่รัฐบาลทหารใช้อำนาจริดรอนสิทธิ เสรีภาพ และปราบปรามผู้เห็นต่าง พร้อมชี้ว่า 5 ปี ภายหลังการรัฐประหารวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงไม่ฟื้นฟูระบอบการปกครองประชาธิปไตยโดยพลเรือน แม้จะมีการสัญญาว่าจะทำให้เกิดขึ้นมาตลอด

ในแถลงการณ์ดังกล่าว สุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ประจำประเทศไทย ชี้ว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม เป็นการเลือกตั้งที่ออกแบบมาให้มีการโกงผลเลือกตั้งเพื่อสืบทอดอำนาจของกองทัพ

“นอกจากยังคงบังคับใช้กฎหมายที่กดขี่จำนวนมาก รัฐบาลทหารยังสั่งยุบพรรคการเมืองฝ่ายค้านที่สำคัญ ควบคุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง ใช้ข้อหาที่กำกวมเพื่อดำเนินคดีกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามและผู้เห็นต่าง และยังคัดเลือกบรรดานายพลทหารและพวกพ้องของตนเองเข้าไปดำรงตำแหน่งในวุฒิสภา ซึ่งจะมีอำนาจในการออกเสียงสนับสนุนผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะเป็นเช่นไร” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ

นอกจากนี้ ยังมีการชี้ถึงการใช้ความรุนแรงทางการเมือง ทั้งการดำเนินคดีอาญานักกิจกรรมและผู้เห็นต่างหลายร้อยคนในข้อหายุยงปลุกปั่น ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงมีการใช้ความรุนแรงกับผู้ลี้ภัยทางการเมืองในต่างประเทศแล้วด้วย

แถลงการณ์ดังกล่าวได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้ตกเป็นเหยื่อของการบังคับให้สูญหายอย่างน้อย 2 ราย ได้แก่ อิทธิพล สุขแป้น และวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ นอกจากนี้ สุณัยยังอ้างถึงกรณีที่นักกิจกรรมไทยสามคน ได้แก่ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ (สุรชัย แซ่ด่าน) ชัชชาญ บุปผาวัลย์ (สหายภูชนะ) และไกรสรณ์ ลือเลิศ (สหายกาสะลอง) ซึ่งลี้ภัยทางการเมืองไปพำนักในลาว “ถูกลักพาตัวและสังหาร” ในเดือนพฤษภาคม 2562

การพบศพของนักกิจกรรมทั้งสามรายทำให้ ชูชีพ ชีวสุทธิ์ (ลุงสนามหลวง) กฤษณะ ทับไท (สหายข้าวเหนียวมะม่วง) และสยาม ธีรวุฒิ (สหายยังบลัด) ซึ่งลี้ภัยไปพำนักที่ประเทศลาวเช่นกัน ตัดสินใจย้ายไปยังเวียดนาม ก่อนจะถูกส่งตัวกลับมายังประเทศไทย และหายตัวไปเมื่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ฮิวแมนไรท์วอทช์ ชี้ว่าการสืบทอดอำนาจทหารผ่านการเลือกตั้งซึ่งออกแบบให้มีการโกง จะทำให้เจ้าหน้าที่ยังคงมีอำนาจใช้ความรุนแรงและการปฏิบัติมิชอบ เช่น การควบคุมตัวบุคคลแบบลับโดยไม่มีข้อกล่าวหา การสอบสวนโดยไม่ให้ติดต่อทนายความ จะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไปแม้จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ก็ตาม

ฮิวแมนไรท์วอทช์จึงเสนอแนะให้สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศต่างๆ ที่ตัดสัมพันธ์ทวิภาคีกับไทยในด้านต่างๆ เช่น การไม่ลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือต่างๆ ไม่ควรรีบยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและธุรกิจจนกว่าจะมีการอภิปรายอย่างจริงจังถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนและการสืบทอดอำนาจของกองทัพ

“ประเทศต่าง ๆ เหล่านี้ควรกดดันประเทศไทยให้ยุติการดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง ยกเลิกการจำกัดเสรีภาพขั้นพื้นฐาน และทำการปฏิรูปให้เกิดการเคารพต่อสิทธิอย่างแท้จริง และต้องไม่ยอมรับเงื่อนไขอื่นใดที่น้อยไปกว่านี้” ฮิวแมนไรท์วอทช์ ระบุ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: