ไม่พบผลการค้นหา
รองนายกรัฐมนตรี เผย ครม.ผ่านหลักการ "เที่ยวปันสุข" แล้ว รอกำหนดวิธีดำเนินการให้โปร่งใส-คุ้มค่า ขณะโครงการ "Travel Bubble" ยังอยู่ขั้นตอนการเจรจาหารือหลายฝ่าย ยืนยันต้องทำให้เร็วที่สุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจับคู่ท่องเที่ยวจับคู่กับต่างประเทศที่บริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ได้ดี (Travel Bubble) ว่า ตอนนี้เปิดกว้างหมด ใครที่พร้อมเข้ามาจับคู่ เช่น จีน สิงคโปร์ ก็กำลังหาวิธีที่จะเริ่มเจรจา แต่ต้องนำข้อเสนอและความตกลงทั้งหลายให้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (ศบค.) พิจารณา เพื่อให้เกิดการเข้าใจกันทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า ที่ยังไม่ได้เดินหน้าเรื่องนี้เต็มตัว เนื่องจากมีนักวิชาการท้วงติงใช่หรือไม่ 

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ เพียงแต่เราจะหาวิธีการที่ปลอดภัยที่สุด จึงต้องหารือหลายฝ่าย บางทีแพทย์คิดว่าปลอดภัยแล้ว แต่ในความรู้สึกของประชาชน และการบริหารจัดการ ต้องมาคุยกับทุกฝ่าย ส่วนจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้นั้น ไม่น่าจะนาน ต้องทำให้เร็วที่สุด ทุกอย่างก็เริ่มแล้ว เงื่อนไขต่างๆ เตรียมร่างไว้หมดแล้ว เหลือแต่ตกแต่งให้ดูดี ปฏิบัติได้สะดวก และปลอดภัย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของความปลอดภัย

เมื่อถามว่ากรณีประเทศจีนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นหลักร้อย ไทยจำเป็นต้องทบทวนการพูดคุยกับจีนหรือไม่ รองนายกฯ กล่าวว่า ต้องดูว่าเขาบริหารจัดการผู้ป่วยอย่างไร หากจะเน้นเพียงว่าต้องไม่มีผู้ป่วย ก็ไม่ต้องเดินทางไปไหน เพราะดีที่สุดคือไม่ต้องเดินทางไปที่ไหน เนื่องจากโรคนี้ไปกับคน ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่ง เราต้องแสดงความมั่นใจว่าว่าวิธีการเฝ้าระวัง คัดกรองหาผู้ป่วย และสอบสวนโรค ทำได้เข้มแข็งขนาดไหน หากทำได้เข้มแข็งก็ไม่ต้องกลัว

เมื่อถามว่า หากเริ่มจะจำกัดเฉพาะกลุ่มก่อนใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใช่ อาจจะเริ่มจากกลุ่มธุรกิจก่อน พวกวิศวกรที่ต้องเดินทางเข้ามาดูแลเครื่องจักรอะไรต่างๆ แล้วค่อยขยับไป อย่างที่เห็นข้อตกลงของบางประเทศเขาก็เริ่มที่กลุ่มธุรกิจแล้วขยับไป

เมื่อถามว่า หากในเดือน ก.ค.เราเริ่มโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวได้ ดังนั้นเดือน ส.ค.เราจะเริ่ม Travel Bubble ได้หรือไม่

นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ได้กำหนดระยะเวลาเช่นนั้น อะไรเสร็จตกลงกันได้ ได้รับความเห็นชอบจากนายกฯ ในฐานะ ผอ.ศบค.ก็มีผลได้เลย เพราะมาตรการเหล่านี้เป็นเรื่องของ ศบค.ที่มีความเป็นเอกเทศ ไม่เกี่ยวกับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เมื่อถามย้ำว่า โครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภาคการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งแบ่งเป็น 3 โครงการคือ กำลังใจ เราไปเที่ยวกัน และเที่ยวปันสุข ผ่านการพิจารณาของ ครม.แล้วหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ผ่านในหลักการ โดยเลขาฯ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้รายงาน ครม.จากนี้ต้องไปหาวิธีการว่าทำอย่างไรให้เกิดความโปร่งใส คุ้มค่าเงินทุกบาททุกสตางค์