เมื่อวันที่ 28 พ.ค. 2566 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า การเลือกตั้งจบลงแล้ว แต่การจัดตั้งรัฐบาลยังไม่จบ ปรากฏความเคลื่อนไหวทั้งในทางที่เป็นจริง และข่าวลับ ลือ ลวง มากมายในสถานการณ์ หนึ่งในนั้นคือการยื่นข้อเรียกร้องของกองเชียร์พรรคเพื่อไทยกลุ่มหนึ่ง ขอให้พรรคถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ประกาศชัดว่านี่เป็นความเห็น ความต้องการในกลุ่มของพวกเขา และพร้อมเคารพต่อการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะตรงกับข้อเรียกร้องหรือไม่
“แน่นอนว่าผมไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ แต่ผมก็เห็นความจริงด้วยว่า กลุ่มที่มายื่นหนังสือเป็นพี่น้องที่ร่วมต่อสู้กันมา และเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตัวจริง การไม่เห็นด้วยนี้ จึงยืนอยู่บนความเข้าใจ และเคารพในความคิด ความรู้สึกของพวกเขา”
ณัฐวุฒิ ระบุว่า การไม่เป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งเป็นความสูญเสีย ผิดหวัง และบาดเจ็บครั้งใหญ่ ที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยเจอ แต่เราต้องผ่านมันไปให้ได้ ด้วยสติ ปัญญา ความตระหนักรู้ในสถานการณ์ และความศรัทธาเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เพื่อจะกลับมายืนในที่เดิมที่เคยยืนมาตลอดอีกครั้ง
พรรคเพื่อไทยเผชิญผ่านหลากหลายวิกฤตการณ์ ทุกครั้งเราเอาชนะทุกอุปสรรค ทุกคู่ต่อสู้ ด้วยแนวทางประชาธิปไตย เราเคยสูญเสียอำนาจรัฐเพราะถูกรัฐประหาร สูญเสียกระทั่งพรรคที่เรารักเพราะถูกยุบทำลาย และทุกครั้งเราก็กลับมา เราเคยสูญเสียอะไรไปมากมาย แต่เราไม่เคยสูญเสียจุดยืนประชาธิปไตย
การพลัดหลงจากชัยชนะในครั้งนี้ เป็นด่านทดสอบสำคัญ ว่าพรรคเพื่อไทยจะผ่าตัดใหญ่ตัวเอง เดินหน้าสู่ความเป็นสถาบันทางการเมือง หรือจะเป็นเพียงเรือร้างอัปปางลง กลางคลื่นลมความเปลี่ยนแปลง หากหัวใจยังไม่หมดแรงฝัน ก็ขอให้รวมพลังกันลุกขึ้นยืน และทำหน้าที่สำคัญที่สุดของเราวันนี้ คือปกป้องชัยชนะของประชาชน ร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล สนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี เดินหน้าแก้ปัญหาให้ประชาชน แข่งกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ รอวันให้ประชาชนตัดสินใจอีกครั้งในสนามเลือกตั้ง
“ไม่มีเกมอื่น ไม่มีทางเดินอื่น สองพรรคต้องเดินไปด้วยกัน สิ่งที่ยังเห็นต่าง ให้ไปจบในวงเจรจา ถ้าปล่อยมือกัน เท่ากับปล่อยมือจากประชาชน ผมไม่ได้มองโลกสวย เพราะโลกที่ผมสู้มามันเจ็บปวด แต่ผมเชื่อว่าโลกแห่งความเป็นจริง ที่คนส่วนใหญ่ต้องการคือแบบนี้”
ณัฐวุฒิ ระบุว่า หากจะขัดใจกองเชียร์ไปบ้าง ก็ขอให้เชื่อว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ทุ่มเททำทุกอย่างสุดความสามารถ แต่เมื่อเกิดความผิดพลาดก็ต้องยืดอกรับ ทั้งที่ในใจก็บอบช้ำไม่น้อยไปกว่าทุกท่าน
สำหรับผู้สนับสนุนของ 2 พรรคหลัก ที่ผลักอกกันอยู่ในโลกออนไลน์ จริงอยู่ว่าหลายคนยืนตรงข้ามกันมาแต่ต้น แต่ก็จริงเช่นกันว่าอีกหลายคน เคยกิน นอน ถูกเขาไล่ฆ่ากลางถนน แม้วันนี้จะไม่ใช่คนพรรคเดียวกันแล้ว ก็ขอให้นึกถึงวัน เวลา ที่เรากอดคอต่อสู้มาด้วยกัน
สิ่งใดที่เคยเจ็บ คำใดที่เคยช้ำร่วมกัน จากการถูกเหยียบย่ำโดยฝ่ายตรงข้าม ละวางไว้บ้างเถิด อย่าได้นำมาใช้ต่อกัน พลังฝ่ายเผด็จการที่เงียบอยู่ เขาไม่ได้ยอมแพ้ แต่รอวัน เวลา จังหวะจะไล่ขย้ำ
แล้วจะใครเสียอีกที่เป็นเป้าหมายถูกกระทำ นอกจากเราผู้เป็นเพื่อนร่วมตายที่เคยต่อสู้เคียงข้างกัน